Author Archives: soccerguru

เก็บตกประเด็นหลังเกมแดงเดือด

เก็บตกประเด็นหลังเกมแดงเดือด

จบลงไปแบบสมานฉันท์ทั้งสองฝ่าย ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมแดงเดือดครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการไม่มีประตูในเกมนี้เป็นเพียงแค่อย่างเดียวที่ทำให้แดงเดือดรอบนี้ไม่เดือดสมชื่อเลย เรามาเก็บตกประเด็นหลังเกมนี้กันบ้างมีอะไรน่าสนใจ

ดีกันคนละครึ่ง

หากมองในเรื่องของฟอร์ม ต้องยอมรับว่าถ้านับเป็นคะแนนเหมือนมวยสากลสมัคร ก็ต้องชูมือให้กันคนละครึ่ง ครึ่งแรกเป็นของฝั่งลิเวอร์พูลเจ้าบ้านได้เปรียบทำออกมาดีกว่าเยอะ ยิ่งช่วงต้นเกม เหมือนทางลิเวอร์พูลทำการบ้านมาดีว่าจะต้องเข้าบดบี้ก่อนที่แมนยูจะตั้งเกมได้ หวังได้ประตูนำก่อนเพื่อกุมความได้เปรียบ แต่ว่าก็ทำไม่สำเร็จ ส่วนครึ่งหลังเป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กลับมาตั้งลำได้ดี และอาศัยความได้เปรียบเรื่องความฟิต และความเก๋าที่ทำได้ดีกว่า น่าเสียดายที่แม้จะดีกันคนละครึ่งแต่ก็ไม่สามารถทำได้ถึงประตู

แดนกลางบดบี้กันสนุก

เกมนี้เป็นไปตามที่หลายสื่อวิเคราะห์กันไว้ เป็นการต่อสู้กันในแดนกลางอย่างแท้จริง ทั้งสองฝั่งต่างหวังจะคุมแดนกลางได้ เพื่อจะเอาบอลมาให้ได้ แล้วจ่ายแทงบอลไปแดนหน้าให้ 3 ตัวรุกขึ้นทำเกม นั่นทำให้ทั้งเกมเป็นการชิงจังหวะของแผงกองกลางทั้งสองฝ่าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็มีจังหวะสวนหมัดกันไปคนละตุ๊บสองตุ๊บเหมือนกัน ถือว่าเป็นเกมที่น่าอึดอัดมาก

ต่อสู้กันด้วยแท็คติคล้วนๆ

เกมแดงเดือดในยุคหลัง ต้องบอกว่าเป็นเกมแดงเดือดที่เดือดแบบที่ไม่ใช่เราคุ้นเคย เกมนี้เป็นแดงเดือดที่วัดกันด้วยแท็คติคของโค้ชสองฝ่ายล้วนๆ โซลชา และ คล็อปป์ ก็รู้ดี เกมนี้สำคัญแค่ไหนและต้องทำอย่างไรถึงจะเอาตัวรอดมาได้ แม้จะทำให้รูปเกมดูอึดอัดไปบ้าง แต่ก็ยอมรับว่าเป็นแดงเดือดที่แท็คติคเดือดมากทั้งคู่ มีการแก้เกมกันไปมาทั้งการส่งผู้เล่นลงสนาม และการเปลี่ยนฟอร์เมชั่นระหว่างเกม สรุปถือว่าเป็นแดงเดือดที่ลุ้นจนแฟนบอลทั้งสองฝ่ายเกร็งมากที่สุดครั้งหนึ่ง

เห็นอะไรในทีมชาติอังกฤษบ้าง จากเกมเปิดหัวคัดบอลโลก

เห็นอะไรในทีมชาติอังกฤษบ้าง จากเกมเปิดหัวคัดบอลโลก

ต้องบอกว่าเป็นการเปิดหัวคัดบอลโลกที่ถือว่าสวยงามทีเดียว ทีมชาติอังกฤษ เจอกับ ซานมาริโน่ แน่นอนว่าคงไม่มีใครคิดว่า ซานมาริโน่ จะบุกมาชนะได้ หรือ อย่างน้อยก็เสมอก็คงจะยาก แต่การชนะถึง 5-0 ก็มีประเด็นน่าสนใจหลังเกมให้พูดกับเยอะทีเดียว

เล่นกันได้ แต่ยังไม่เข้ากัน

การเรียกตัวมาติดทีมชาติอังกฤษครั้งนี้ของ เซาท์เกธ กุนซือทีมชาติอังกฤษ ต้องยอมรับว่า เค้าเลือกนักเตะมาติดจากผลงานเลยก็ว่าได้ นักเตะที่เรียกมาติดเกือบทุกคนแทบจะไม่มีข้อกังขาในเรื่องของฟอร์มการเล่นเลย นับเฉพาะตอนปัจจุบันทุกคนอยู่ในฟอร์มดีกันทั้งนั้น แต่การเรียกนักเตะมาคราวนี้ยอมรับเลยว่าเกมแรกพวกเค้ายังเล่นไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร หลายจังหวะมันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ทั้งช็อตหน้าประตูพลาดของ โดมินิค คัลเวิร์ตเลวิน เป็นต้น การเล่นให้เข้ากันกว่านี้ทีมชาติอังกฤษอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก

ซ้อมการเจาะเกมรับ

หากไม่นับ โปแลนด์ ที่ดูน่าจะเป็นคู่แข่งที่แข็งสุดในกลุ่ม ทีมอื่นดูจะด้อยกว่าอังกฤษอยู่ประมาณสามช่วงตัวทีเดียว (เอาจากนักเตะชุดนี้ด้วยนะ) นั่นทำให้เกือบทุกเกมต่อจากนี้ อังกฤษจะเจอการตั้งรับแบบรับลึก เพื่อรอจังหวะสวนกลับ ปัญหาก็คือ อังกฤษจะมีวิธีการเจาะเกมรับที่หนาแน่นแบบนี้อย่างไร เกมนี้เราพอเห็นภาพเลย จะมีการเล่นสองสามอย่าง หนึ่งการเล่นลูกกลางอากาศของ คัลเวิร์ต เลวิน โดยมี วอร์ดส พราวส์เป็นคนชงให้ สองเป็นการเล่นแบบลากเลี้ยง เน้นเร็ว วูบวาบ เพื่อทำให้กองหลังถอยไม่ทันอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หรือ ฟิล โฟเด้น ในครึ่งหลัง สามการเล่นลูกนิ่งที่น่าจะมีการซ้อมมาเป็นอย่างดีด้วย บวกกับเท้าชั่งทองของ วอร์ดส พราวส์ ซึ่งจากเกมนี้น่าจะทำให้เห็นว่ามาตั้งรับลึก อังกฤษ เจาะได้

นักเตะใหม่โชว์ฟอร์มดี

แม้ว่าการเจอกับ ซานมาริโน่ อาจจะไม่ได้ทำให้อังกฤษ เหนื่อยเท่าไร แต่ว่านักเตะใหม่หลายคน รวมถึงคนที่หวนกลับมาติดทีมชาติ เล่นด้วยความกระหายมาก แบบจะให้เซาท์เกธติดใจเลย ทั้ง วอร์ด พราวส์ และ วัตกินส์ ที่เกมนี้ยิงประตูแรกให้กับตัวเองได้ในนามทีมชาติทั้งคู่ ลินการ์ด ที่วูบวาบตีคู่มากับ สเตอร์ลิ่ง และคนอื่นๆ บอกเลยว่างานนี้ใครที่ยังไม่ติดทีมต้องเร่งฟอร์มเลย ไม่งั้นโอกาสติดทีมชาติมันจะน้อยลงไปอีก

วิเคราะห์ อาร์เซนอล ครึ่งฤดูกาลผ่านไป เป็นอย่างไรกันบ้าง

วิเคราะห์ อาร์เซนอล ครึ่งฤดูกาลผ่านไป เป็นอย่างไรกันบ้าง

เป็นอีกหนึ่งที่ต้องบอกว่าแฟนคลับของพวกเค้าเองค่อนข้างคาดหวังผลงานมากในซีซั่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการเข้ามาของอาร์เตต้า ได้ทำให้อาร์เซนอล สามารถไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ถึงสองรายการในเวลาไม่นานก็คือ เอฟเอคัพ และ คอมมูนิตี้ชิลด์ หลังจากความสำเร็จสองรายการ มาซีซั่นนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเค้าบ้างในครึ่งซีซั่นเราไปดูกัน

ต้นดี ปลายไม่ดี

หากมีวลีที่ว่า ต้นร้ายปลายดี อาร์เซนอล ก็คงจะตรงกันข้ามกัน เป็น ต้นดี ปลายไม่ดีเท่าไร หลังจากได้แชมป์ คอมมูนิตี้ชิลด์ อาร์เซนอล ก็เหมือนจะสดใสมาก ฟอร์มในเวลานั้น ใครก็คิดว่าพวกเค้ากลับมาแล้ว แต่ว่าพอผ่านเกมนัดที่ 5 ไป ทุกอย่างมันตื่นขึ้นจากฝัน มาเจอความจริงอันโหดร้าย จากนั้นฟอร์มของอาร์เซนอล ดิ่งลงแบบที่ใครก็ไม่สามารถดึงกลับมาได้นักเตะเล่นออกจากฟอร์มที่เคยมีกันหมด จนทำให้ตอนนี้ อาร์เซนอล ร่วงไปอยู่ครึ่งล่างของตารางคะแนนลีคแบบที่แฟนบอลอึ้งกันไปเลย

เกมรุกบอดสนิท

สาเหตุที่ทำให้ อาร์เซนอล กลายเป็นทีมกลางตารางไปแบบไม่มีใครคาดคิด ส่วนหนึ่งก็มาจากเกมรุกของพวกเค้าที่ต้องใช้คำว่า บอดสนิท กันเลยทีเดียว ตัวรุกที่เคยจัดจ้านอย่าง โอบาเมยอง , ลากาแซต ,วิลเลี่ยน ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ฟอร์มตกอย่างหนัก แม้จะเรียกคืนมาได้บ้างก่อนจบครึ่งซีซั่น แต่มันก็เป็นเพียงแค่สัญญาณเบาบางเท่านั้นเอง พอเกมรุกบอดยิงใครไม่ได้ ก็ทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงไป

เกมรับไม่น่ากลัว

ว่ากันที่เกมรุก ไปดูเกมรับบ้าง ต้องใช้คำว่า บ่อน้ำมัน เคลื่อนที่กันเลยสำหรับอาร์เซนอลในเวลานี้ ทั้ง ดาวิด ลุยส์ และ คนอื่นไม่ใช่กองหลังที่จะฝากผีฝากไข้อะไรได้ พวกเค้าพร้อมจะเสียประตูให้กับทุกทีมที่เค้ามาเล่น นี่ยังไม่นับการเล่นของนักเตะที่พร้อมจะเสียใบเหลืองใบแดงแบบไม่น่าเสียอีก นั่นเท่ากับเค้าทำให้ทีมลำบากแบบไม่ตั้งใจเลย ยังดีว่าก่อนจะจบครึ่งซีซั่นเหมือนจะพอเห็นสัญญาณบวกอยู่บ้าง ต้องดูว่า อาร์เตต้า จะจับสัญญาณบวกตรงนั้นเป็นแรงส่งให้กลับไปอยู่ท็อปของตารางได้หรือไม่

คาวานี่ ตัวคอมโบที่ต้องมา(เสียที)

คาวานี่ ตัวคอมโบที่ต้องมา(เสียที)

เกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ไปได้ 4-1 ต้องบอกเลยว่าคีย์ความสำเร็จข้อหนึ่งเป็นการเอากองหน้าธรรมชาติลงทำเกมสักทีอย่าง เอดินสัน คาวานี่ เรามองว่า เค้าคนนี้แหละที่ควรจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงสักทีในเกมกับ เซาท์แธมป์ตัน ในลีคสุดสัปดาห์นี้ เพราะเค้าคือตัวคอมโบที่เรากำลังตามหา

โป้ง ปิดบัญชี

สิ่งแรกที่แมนยูขาดไปนานมากแล้ว ก็คือศูนย์หน้าตัวปิดบัญชีที่ไว้ใจได้ คนสุดท้ายที่เราเห็นก็คือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช พระเจ้าที่เคยมาเป็นซาตานอยู่พักหนึ่ง ตอนนั้นกองหน้าดูคมขึ้นมาเลย การมาของคาวานี่อาจจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีอิมแพ็คเท่านั้นหรือไม่ แต่การได้ศูนย์หน้าเป้าธรรมชาติมายืนทำให้แมนยูมีกองหน้าแบบโป้งปิดบัญชีสักที แบบไม่ต้องวิ่งเร็วอะไรมาก พอบอลจ่ายมาเข้าเท้าก็พร้อมจะทำประตูด้วยการพลิกยิงได้เลย แตกต่างจากที่เหลือที่เป็นสายวิ่งเหมาะกับเกมสวนกลับ

คอมโบ บรูโน่

หลายครั้งที่เค้าลงสนามมา ทำให้เห็นว่า แม้พี่เค้าจะยังไม่ฟิตเท่าไร จากการร้างสนามมานาน แต่ว่าเซนส์บอลเค้าไม่ได้ทื่อลงไปด้วย เราจะเห็นการคอมโบระหว่างเค้ากับบรูโน่ ในลักษณะหน้าต่ำ กับหน้าเป้า ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลทะลุช่องที่มองตารู้ใจกันว่าจะไปช่องไหน ถึงจะได้เปรียบ หรือจะเป็นการเล่นชิง 1-2 เพื่อให้บรูโน่ ยิงไกลจากนอกกรอบ การคอมโบแบบนี้แหละที่แมนยูขาดไป

คอมโบ แรช หรือ หมาก

คาวานี่ หากยืนหน้าเป้าไม่ได้เป็นคอมโบ กับ บรูโน่ เท่านั้น เค้ายังเป็นคอมโบที่ รุ่นน้องอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และอองโตนีย์ มาร์คซิยาลต้องการด้วย เพราะว่าการมาของคาวานี่พอไปยืนหน้าเป้าจะทำให้ดึงตัวประกบออกไปทำให้น้องทั้งสองเล่นง่ายมากขึ้น ยังไม่นับการดึงตัวประกบลงต่ำ แล้วเป็นตัวหลอก จากนั้นให้คนใดคนหนึ่งสอดไลน์วิ่งขึ้นมาเล่นได้ด้วย หรือจะเป็นการคอมโบเปิดเข้ามากลางแล้วแท็ปอินเข้าไป ดังนั้นถ้าเกมนี้ฟิตพี่เค้าต้องลงมาคอมโบให้มันจบ

ตรวจการบ้าน อาร์เซนอล ทำอะไรไปแล้วบ้าง

ตรวจการบ้าน อาร์เซนอล ทำอะไรไปแล้วบ้าง

ผลงานในซีซั่นที่แล้วของอาร์เซนอล ต้องใช้คำว่า ล้มเหลวได้เลย ทั้งฟุตบอลลีค บอลถ้วย ในประเทศและบอลถ้วยต่างประเทศ อาร์เซนอล ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย นั่นทำให้ซีซั่นนี้ พวกเค้ามีการบ้านต้องแก้ไขเยอะมาก อย่างที่เรามองซีซั่นที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของ มิเกล อาร์เตต้า แล้วดังนั้นจะดีไม่ดี ก็อยู่ที่การซื้อตัวมาเสริมนี่แหละ มาดูกันว่า อาร์เซนอล ทำอะไรไปแล้วบ้าง

หาตัวแทน ดาวิด ลุยซ์

การบ้านข้อแรกเป็นการแก้ไขปัญหากองหลังของอาร์เซนอล พวกเค้าเสียกองหลังตัวเก่งอย่าง ดาวิด ลุยซ์ ปัญหากองหลังของอาร์เซนอล พวกเค้าเสียกองหลังเสริมนี่แหละ มาดูกันว่า อาร์เซนอล ทำอะไรไปแล้วบ้างล ไม่ประสไป นั่นทำให้พวกเค้าไม่มีทางเลือกต้องหากองหลังคนใหม่เข้ามาเสริม จากข่าวที่หลุดมา เบน ไวท์ จากไบร์ทตัน ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี สมเหตุสมผล แต่ความยากของการบ้านข้อนี้ก็คือ พวกเค้าต้องทุ่มเยอะเหมือนกัน ไบร์ทตัน ก็ไม่อยากปล่อย รวมถึงตัวนักเตะเองก็ไม่ได้แสดงความอยากมาขนาดนั้น ราคาที่คุยกันไว้ที่ 50 ล้านปอนด์ อาจจะแพงไปสักหน่อย แต่ชั่วโมงนี้ถ้าอยากได้ต้องทุ่มแล้วดีกว่าไปหว่านเอาใครก็ไม่รู้มา

ปิดดีล แบ็ค

อีกหนึ่งข้อการบ้านที่อาร์เซนอล ทำสำเร็จไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นก็คือ การหาแบ็คซ้ายมาเสริมทีม อันนี้ถือว่าการบ้านตอบโจทย์มาก หากใครยังจำได้ ซีซั่นที่แล้ว ยังมีบางเกมที่เอา กรานิต ชาก้า ไปยืนตรงนี้ เพื่อ….

.

การปิดดีล นูโน่ ตาวาเรส ถือว่ตอบโจทย์ได้ดี คนนี้มาจากเบนฟิก้า ราคาก็ไม่แพง 8 ล้านปอนด์ ก็พอคุ้ม ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าจะดีแค่ไหน

ตามหา เพลย์เมกเกอร์

หลังจากที่พวกเค้า ไม่ได้มีโอซิล ในสนาม ยอมรับเลยว่าพวกเค้าขาดคนทำเกมไปเลย เห็นชัดๆตอนที่ยืมโอเดการ์ดมาจากมาดริด เกมรุกดูวูบวาบขึ้นเยอะ ครั้นจะไปฝากความหวังไว้ที่ สมิธ โรว คนเดียวก็คงจะไม่ได้ ทีนี้พวกเค้าจะต้องหาตัวมาเสริมจากข่าว ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะได้ อาอูอาร์ จากลียง หากได้จริงหากจะมองว่าได้คนมาทำหน้าที่ตามตำแหน่งก็ถือว่าตอบโจทย์ แต่จะดีไหม หรือได้จริงไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง

ผลกระทบในตารางลีคของลิเวอร์พูลหลังแพ้เลสเตอร์

ผลกระทบในตารางลีคของลิเวอร์พูลหลังแพ้เลสเตอร์

ผลกระทบในตารางลีคของลิเวอร์พูลหลังแพ้เลสเตอร์

ต้องยอมรับตามตรงว่า เกมที่ลิเวอร์พูลเจอกับเลสเตอร์นั้น นอกจากเรื่องความมั่นใจแล้ว เกมนี้ฝั่งลิเวอร์พูลเองเดิมพันสูงมาก ยิ่งมองในเรื่องของตารางคะแนน เกมนี้เป็นเกมที่แพ้ไม่ได้เลย แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วพวกเค้าก็แพ้ไปแบบไม่น่าเชื่อ จากความผิดพลาดอย่างที่เราเห็นกันไป ทีนี้เมื่อแพ้แล้ว ผลกระทบในตารางคะแนนที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง

มีสิทธิ์ร่วงถึงที่ 8

ซีซั่นนี้ พรีเมียร์ลีคมีความน่าสนใจมาก อย่างแรกเลยการขับเคี่ยวแย่งพื้นที่ท็อป 4 ดุเดือดมาก คะแนนขี่กันแบบหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว พอลิเวอร์พูลแพ้เมื่อคืนทำให้ตัวเค้านั้นมีคะแนนเท่าเดิมที่ 40 แต้ม แม้จะอยู่อันดับที่ 4 ก็จริง แต่ถ้าหากมองจากทีมที่ไล่ขึ้นมาอย่าง เชลซี และ เวสต์แฮม ที่มีระยะห่างเพียงแค่ 1 แต้ม หากพวกเค้าเอาชนะได้ ก็เท่ากับว่าจะส่งให้ลิเวอร์พูลลงไปที่ 6 แบบไม่มีสิทธิ์โต้เถียง ไม่เท่านั้นเอฟเวอร์ตันที่แข่งน้อยกว่า 3 เกม และ แอสตัน วิลล่า ที่แข่งน้อยกว่า 2 เกม ตามลำดับ หากพวกเค้าเก็บชนะได้หมด ก็เท่ากับจะแซงลิเวอร์พูลได้เลย เลยไม่แปลกหากแข่งเท่ากันหมดที่ 24 เกม ลิเวอร์พูลอาจจะหล่นไปที่ 8 แบบที่แฟนบอลคงต้องอึ้งเลย

หมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์

ความพ่ายแพ้ในนัดนี้ ส่งผลให้ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า หมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์อย่างเป็นทางการไปแล้วเรียบร้อย เพราะว่าตอนนี้แข่งมากกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 1 เกม แต่ว่าลิเวอร์พูลทำแต้มห่างจากจ่าฝูงมากถึง 13 แต้ม เข้าไปแล้ว ต้องยอมรับว่าสภาพทีมตอนนี้ และ สภาพความมั่นในของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในตอนนี้ ไล่ยังไงก็ไม่ทัน เหลืออีกเพียงแค่ 15 เกมเท่านั้น การจะหวังให้ทีมของเป๊ปพลาดแพ้อย่างน้อย 4 เกม หรือ เสมอสัก 7-8 เกม มันคงไม่เกิดขึ้นแน่นอน แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ต้องยอมรับว่า มันจบแล้วครับนาย

การแย่งพื้นที่ ท็อป 4

พอลิเวอร์พูลแพ้แบบนี้ ทำให้อันดับไม่หนีห่างจากกันมากนัก ผลที่เกิดขึ้นทำให้การแย่งอันดับที่ 2-3-4 เพื่อชิงพื้นที่ไปเล่น UCL เปิดกว้างมาก มองจากตอนนี้มีทีมมากถึง 8 ทีม แย่งเก้าอี้ที่มีอยู่แค่ 3 ตัวเท่านั้น แค่คิดก็สนุกแล้วว่าที่เหลือจะเป็นอย่างไรต่อไป

มองหาเหตุทำไม บอร์ดไม่ไล่โซลชา สักที

มองหาเหตุทำไม บอร์ดไม่ไล่โซลชา สักที

เชื่อว่าแฟนแมนยู คงเบื่อที่ฟัง อ่าน ดู เกี่ยวกับการไล่โซลชาร์ ออกจากตำแหน่งแล้ว คงได้ยินกันมาเยอะมาก จนแบบไม่รู้จะบอกยังไงแล้ว ด้วยผลงานก็ฟ้องอยู่ทนโท่ว่า ไปได้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไหนจะมีวนลูปนรกที่วนมาพอเหมะพอดีเสมอเซฟโอเล่จากเจียนอยู่เจียนไปตลอด งั้นวันนี้เราเอางี้มาลองดูมุมกลับว่าทำไม บอร์ดไม่ไล่โซลชา สักที

โซลชา กุนซือในโอวาท
การดึง โซลชา ข้ามขั้นขึ้นมาคุมทีมใหญ่ระดับประเทศถือว่าเป็นเรื่องที่ก้าวมาได้ไกลพอสมควร โซลชา ได้มาคราวนี้ก็เพราะบอร์ดด้วยที่ตัดสินใจอย่างนั้น แล้วก็สมใจ โซลชา เป็นกุนซือที่นิ่มนวลมาก เค้าแทบจะไม่เคยออกมาโวยวายอะไรเลยเกี่ยวกับบอร์ดต่อหน้าสื่อ และสาธารณชน ลองสังเกตดูได้ว่า โซลชา แทบจะไม่เคยตำหนิบอร์ดบริหารเลย หรือ ถึงแม้จะมีพูดถึงบ้าง แต่เค้าก็จะออกมาปกป้องทันที อยู่ในโอวาทแบบนี้ บอร์ดก็ยิ้มเลยสิว่า ผลงานในสนามทั้งหมดบอร์ดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย แอบอยู่หลังผู้จัดการทีมได้อย่างสบายใจ

โซลชา กุนซือโลกสวย
กุนซือจอมยิ้ม ฉายานี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย โซลชา ในวันที่ชนะเค้าจะสัมภาษณ์อะไรก็ได้ไม่มีใครว่า แต่วันที่ผลการแข่งขันไม่ดีไม่เป็นใจ แล้วแฟนบอลต้องมาฟังการสัมภาษณ์โลกสวยอีก บางทีมันก็น่าเบื่อนะ แต่ในมุมของบอร์ดเค้าอาจจะคิดว่า นี่เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์สโมสรก็เป็นได้ ลองนึกภาพความดุดัน แสบสันต์ ประชัดประชันของมูรินโญ่สิ เชื่อว่าบอร์ดคงไม่ชอบแบบนั้นเท่าไร

โซลชา นักเตะในตำนาน
หนึ่งในสิ่งที่แฟนยูไนเต็ดพอจะคุยข่มได้บ้างก็คือ พวกเค้าเป็นทีมที่สามารถทำทริปเปิ้ลแชมป์ได้ โดยคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นก็คือ โซลชา นี่แหละ เค้าเป็นตำนานอย่างแท้จริง บอร์ดเองก็มองออกว่าจะใช้ความเป็นตำนานของโซลชานี่แหละผูกใจแฟนบอลซึ่งมันก็ทำได้จริง แม้ว่าตอนนี้คนด่าเยอะแต่คนเข้าข้างโซลชาก็เยอะด้วยเหมือนกัน พอมีเสียงสนับสนุนอยู่บ้าง บอร์ดก็ไม่อยากปลดออก ทุกอย่างก็เป็นฉะนี้แล

ความหวังของเจ้าหมาป่า ซีซั่นนี้

ความหวังของเจ้าหมาป่า ซีซั่นนี้

ในซีซั่นที่แล้ว หมาป่า วูลฟ์แฮมตัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพร์สแห่งฤดูกาลได้เลย ทีมที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอลงสนาม กองหน้าของพวกเค้าสร้างปัญหาให้กับแนวรับทุกทีมได้เสมอ ยิ่งชื่อของ อดาม่า ตราโอเล่ กับ ราอูล ฆิมินเนซ ทำให้หลายทีมไม่อยากเจอความเข้าขาของทั้งสองคนนี้ ซีซั่นใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกเค้าควรวางเป้าหมายอย่างไร
อันดับ ที่ 4 ต้องมา
ยอมรับตามตรงว่า เราอาจจะได้เห็นแนวรุกของ วูลฟ์ หน้าตาเปลี่ยนไปเนื่องจากโดนทีมอื่นดูดไปร่วมทัพด้วย แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น ถึงตอนนี้(ที่กำลังปั่นงานอยู่) ตัวหลักเกมบุกของพวกเค้ายังอยู่กันครบ เสียตัวรับสำคัญไปหนึ่งตัวเท่านั้นเอง บวกกับตัวที่เซ็นเข้ามาใหม่ดูแล้วมีแววจะรุ่งจนน่ากลัวยังไงชอบกล ถามว่าซีซั่นใหม่นี้ วูลฟ์ หวังอะไรจากลีคได้ เราบอกเลยว่าพวกเค้าต้องมองไปถึงอันดับ 4 ให้ได้ หากต้องการจะยกระดับสโมสรขึ้นมามีลุ้น เอาจริงพวกเค้ามีศักยภาพจะทำแบบนั้นได้ อย่าลืมว่าพวกเค้ามีแต้มห่าง เชลซี ที่ได้อันดับ 4 ซีซั่นที่แล้วเพียงแค่ 7 คะแนนเท่านั้นเอง หากยังรักษามาตรฐานต่อเนื่องน่าจะพอแทรกตัวขึ้นไปได้
เกมบอลถ้วย
อีกหนึ่งสเต็ป ก่อนจะยกระดับตัวเองขึ้นไปท้าชิงพื้นที่อันดับ 4 ให้ได้ ก็คงจะเป็นเรื่องบอลถ้วย ยิ่งวูลฟ์เป็นทีมเล่นเกมบุกนำหน้าอยู่แล้ว ยิ่งทำให้เกมบอลถ้วยน่าลุ้นมากกว่าเดิม หากพวกเค้าหวังจะยกระดับตัวเอง ซีซั่นนี้ พวกเค้าต้องหลุดไปได้ให้ถึงชิงชนะเลิศอย่างน้อย 1 รายการ เรามองว่าโอกาสน่าจะเป็นลีคคัพมากกว่า ส่วนเอฟเอคัพ ถ้าไปได้ถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว
ฟุตบอลยุโรป
น่าเสียดายที่ซีซั่นนี้ วูลฟ์ ไม่สามารถไปเล่นถ้วยยุโรปได้ ผลงานไปได้ถึงรอบ 8 ทีมในซีซั่นก่อนถือว่าการันตีทีเดียว (ไปแพ้เซบีญ่า เจ้าถิ่นในถ้วยนี้ก็ต้องยอมเค้าไป) หวังว่าซีซั่นหน้า พวกเค้าจะกลับมาเล่นอีกครั้ง

ภาวะสมองไหล ความน่ากลัวของบาร์ซา

 

บาร์ซา

ตอนนี้บาร์ซาบอกเลยว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดคงเป็นคำที่กล่าวถึงมากที่สุด เอาแค่เรื่องของเมสซี่ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงตรงไหน แต่ว่าตอนนี้การทำงานของบอร์ด ทำให้นักเตะบาร์ซาระดับซีเนียร์ของทีมเกิดภาวะสมองไหลไปแบบไม่มีหยุด (เราเชื่อว่าที่นักเตะต่างทยอยย้ายออก เค้ารู้แล้วว่า เมสซี่กับทีมจะมีอนาคตต่อไปอย่างไร) ภาวะสมองไหลแบบนี้น่ากลัวกับบาร์ซาอย่างไร

เหลือตัวน้อยลง

อย่างแรกเลย เคสของ หลุยส์ ซัวเรสที่น่าจะไปแน่นอน บวกกับ อีวาน ราคิติช ไปก่อนแล้ว ทำให้ตอนนี้นักเตะชุดใหญ่ของบาร์ซาเหลือน้อยลงเรื่อยๆ นั่นทำให้การทำงานของ โรนัลด์ คูมัน กุนซือใหม่ทำงานยากขึ้นไปอีก ลองนึกภาพว่าจะซ้อมมื้อแรกอยู่แล้ว แต่ว่าเค้ายังไม่รู้เลยว่า จะเหลือนักเตะในทีมกี่คน มันจะทำให้งานของเค้ายากขึ้นมาก

หาคนแทนไม่ได้

พฤติกรรมงามหน้าของบอร์ดที่ทำกับนักเตะซีเนียร์ นอกจากจะเสียนักเตะในทีมแบบไปเรื่อยๆจนขนาดทีมเล็กลง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเอฟเฟกต์ตามมาเป็นเรื่องการหาคนแทนไม่ได้เลย เพราะว่านักเตะไม่อยากให้มาเล่นให้กับบอร์ดบริหารแบบนี้ รวมถึงทีมที่แทบจะสร้างขึ้นมาใหม่ หากไม่ใช่กลุ่มดาวรุ่ง ก็คงต้องเป็นนักเตะที่ชื่นชอบในบาร์ซามาก อย่าลืมว่า หากพวกเค้าไม่สามารถหานักเตะมาแทนในตำแหน่งที่เสียไปได้เลย อาจจะเสียหายนักมากในระยะยาว อย่าลืมว่านี่มันเป็นเกมแข่งลีคถ้าขาดแข้งประสบการณ์ไปบอกเลยว่าเล่นด้วยยากมาก

ดันดาวรุ่งแบบไม่พร้อม

อีกหนึ่งความยอดเยี่ยมของบาร์ซ่า ก็คือ ศูนย์ฝึกเยาวชนที่ชื่อว่า ลามาเซีย มีคนเก่งมากมายที่เกิดขึ้นจากศูนย์ฝึกนี้ จากสถานการณ์ที่แข้งสมองไหลไปแบบนี้ ทางเลือกเดียวก็คือต้องฝืนดัน ดาวรุ่งจากลามาเซียขึ้นมาเล่น จริงอยู่ว่าในลามาเซียตอนนี้มีดาวรุ่งฟอร์มดีหลายคน แต่การฝืนดันพวกเค้าขึ้นมาในวันที่ไม่พร้อม อาจจะทำให้ผลงานของทีมเสียไปได้ ความเก๋า ประสบการณ์ยังไม่มีพูดง่ายๆ ซึ่งอาจจะทำให้ผลงานของบาร์ซาฟุบยาวได้

อะไรที่มันไม่พร้อมคงไม่ดี แต่เรื่องแทงบอลออนไลน์ sbobet พร้อมเสมอ

เพราะ sbobet เราพร้อมจะให้ท่านได้เข้ามาสัมผัสกับเกมแทงบอลออนไลน์สุดฮิตยอดนิยมมากมาย ท่านจะได้วางเดิมพันกับเว็บแทงบอลออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ได้รับความเชื่อถือจากผู้เล่นนับหมื่นคน ร่วมลุ้นไปกับเราได้แล้วตังแต่วันนี้

โดเมเน็ค

โดเมเน็คมือไม่ถึง ในความพยายามที่จะตัดขาดอดีตในช่วงทศวรรษหลังสุดของเลส์ เบลอส์

โดเมเน็ค

โดเมเน็ค

โดเมเน็คมือไม่ถึง ในความพยายามที่จะตัดขาดอดีตในช่วงทศวรรษหลังสุดของเลส์ เบลอส์ออกไปทั้งในส่วนที่รุ่งโรจน์ที่สุดคือการได้แชมป์โลก 1998 ต่อด้วยแชมป์ยุโรป 2000 และในส่วนที่น่าผิดหวังที่สุดอันเนื่องมาจากการตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2002 และ รอบควอเตอร์ ไฟนัลยูโร 2004 โดเมเน็คได้ลงมือผ่าตัดทีมด้วยความใจร้อน อย่างน้อยก็ในสายตาของคนเก่าๆ ด้วยความเชื่อมั่นว่าทีมสามารถรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 ไปได้อย่างต่อเนื่องไม่ลำบากยากเย็นการทำทีมของโดเมเน็คจึงเป็นการสร้างทีมเพื่อยุคหลังฟุตบอลโลก 2006 ไปในตัว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมองข้ามความหนักหนาของภาระหน้าที่นี้ไปหน่อย มันน่าจะยังเร็วเกินไปที่จะสร้างทีมขึ้นรอบๆ แบร์กนาร์ เมนตี้ และริโอ มาวูบ้า ซึ่งแทบไม่มีประสบการณ์ในเกมระดับอินเตอร์แล้ว อีกทั้งมันน่าจะยังเร็วเกินไปที่จะเปลี่ยนแผงหลังของทีมแบบยกชุดโดยมอบหมายให้คู่ของ เซบาสเตียง สกิลลาซี่ – กาเอล ชิเวด์ เป็นเซสเตอร์ตัวหลักตั้งแต่ต้นและมันน่าจะยังเร็วเกินไปที่จะขจัดพวกเก๋าๆ ในทีมออหมดด้วยข้ออ้าง ที่ว่านักเตะกับความล้มเหลวที่โปรตุเกส

ด้วยความแน่วแน่ในหลักการของตน โดเมเน็คเหมือนจะก้าวพลาดตั้งแต่ต้น นอกจากจะแสดงให้เห็นว่าเลส์ เบลอส์ในยุคของเขาไม่จำเป็นจะต้องมี ซีเนดีน ซีดาน ลิลิยอง ตูราม และ โคลัด มาเกเลเล่ ที่ต่างพากันอำลาทีมชาติหลังได้พบปะกับนายใหญ่ตราไก่คนใหม่แล้ว โดเมเน็คยังไม่เห็นความสำคัญของตัวเก๋าๆ หลายรายไม่ว่าจะเป็น โอลิวิเยร์ ดากูร์ โยฮัน มิกูด์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรแบร์ ปิเรส ที่ขัดแย้งกับเขาโดยตรงหลังไม่ได้รับความไว้วางใจบ่อยครั้ง นอกจากนั้น โดเมเน็คยังแสดงให้เห็นถึงความไม่อยู่ร่องกับรอยด้วยการทดลองซ้ำซากจนทีมขาดความลังเลตัว เขาเป็นกุนซือที่พิสมัยระบบ 3-5-2 อย่างยิ่ง แต่ด้วยความที่เลส์เบลอส์ไม่ได้ใช้ระบบนี้มาเป็นสิบปีอีกทั้งนักเตะในทีมก็ไม่คุ้นเคยกับระบบนี้ในชีวิตประจำวันกับทีมต้นสังกัด ที่สุดแล้วเขาจำต้องอยู่ – เทิร์นกลับมาใช้ระบบ