Tag Archives: sbobet

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อัตราการเต้นหัวใจต่ำเหลือเชื่อขณะเตรียมยิงจุดโทษ แม้เพิ่งพลาดไปก่อนหน้า

ในเกมที่ทีมชาติโปรตุเกสพบกับทีมชาติสโลวีเนีย ในศึกยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้น 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) แสดงให้เห็นถึงความสงบนิ่งอย่างน่าทึ่ง ในช่วงที่ประหม่าที่สุดของการแข่งขัน จากการเปิดเผยข้อมูลทางสุขภาพจาก WHOOP สื่อที่นำเสนอด้านสุขภาพของนักกีฬาแม้ว่าในช่วงนาทีที่ 105 ของการแข่งขัน โรนัลโด้ จะมีโอกาสทำประตูจากการยิงลูกจุดโทษ แต่เขากลับพลาดไป ทำให้เจ้าตัวมีความเสียใจอย่างมาก และถึงขั้นร้องไห้ในช่วงหมดครึ่งแรกของการต่อเวลาพิเศษ ด้วยความคิดที่จะต้องแก้ตัว โรนัลโด้กลับมาโดดเด่นเมื่อเขาได้รับโอกาสยิงเป็นคนแรกในช่วงดวลจุดโทษ ซึ่งความสามารถนี้สำคัญมากสำหรับทีมชาติ โปรตุเกส ในการถูกเสนอชื่อผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ

หลายคนอาจจะเชื่อว่าสถานการณ์ที่ต้องยิงลูกจุดโทษในช่วงดวลเป้าจะทำให้นักเตะทุกคนต้องตื่นเต้น

จนกระทั่งมีอัตราการเต้นของหัวใจสูง แต่จากข้อมูลของ WHOOP ในเวลาที่เดินมายิงลูกจุดโทษเป็นคนแรก โรนัลโด้ มีอัตราการเต้นของหัวใจต่ำที่สุดในระหว่างเกมดังกล่าวอยู่ที่เพียง 100 ครั้งต่อนาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าเขามีความสงบนิ่งอย่างมากในสถานการณ์ที่ต้องแบกรับความกดดันสูง ก่อนที่สุดท้ายเขาจะยิงลูกจุดโทษเข้าไปสำเร็จ และอัตราการเต้นของหัวใจของเขาพุ่งไปอยู่ที่ราว ๆ 150 ครั้งต่อนาทีหลังจากยิงเข้าไป

สำหรับตอนที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส (Bruno Fernandes) ยิงเข้าเป็นคนลำดับที่สอง

อัตราการเต้นของหัวใจของ โรนัลโด้ อยู่ที่ประมาณ 125 ครั้งต่อนาที แต่เมื่อตอนที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา (Bernardo Silva) ทำประตูได้จนนำทีมไปสูชนะ อัตราการเต้นของหัวใจของเขาพุ่งไปสูงสุดถึง 170 ครั้งต่อนาทีตั้งแต่เริ่มเกมจนจบ โรนัลโด้ ลงสนามด้วยการสวมสายรัดข้อมือรุ่น 4.0 ของ WHOOP ทำให้สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังมีคลิปวีดีโอที่แสดงให้เห็นว่า โรนัลโด้ ร้องไห้เมื่อเห็น มาเรีย โดโลเรส อเวยโร่ (Maria Dolores Aveiro) คุณแม่ของเขาร้องไห้อยู่บนอัฒจันทร์หลังจากที่เขายิงพลาด อย่างไรก็ตาม บางคนสงสัยว่า คลิปนี้อาจจะมีการตัดต่อเอาสองจังหวะที่ไม่ได้เกิดขึ้นกันใหล้กันมาวางต่อกันหรือไม่ พวกเขาไม่เชื่อว่าโรนัลโด้จะมองเห็นสีหน้าของคุณแม่ได้ชัดเช่นนั้น

อีกทั้ง สเปน ยูโร 2024 ก็เป็นประเทศหนึ่งที่โรนัลโด้มีความทะเยอทะยาน

ที่จะเล่นให้ไกลถึงการแข่งขันในรอบสุดท้าย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขับขันระดับสูงในยุโรปนี้ การแข่งขันที่โปรตุเกสและสโลวีเนียต้องพบกับความตึงเครียดไม่ใช่เหตุการณ์ที่ง่ายดาย ทำให้ทุกนัดที่มีการแข่งขันในยูโร 2024 มีความหมายอย่างยิ่ง สำหรับโรนัลโด้ และทีมชาติโปรตุเกส การผ่านเข้ารอบชิงใน สเปน ยูโร 2024 เป็นเป้าหมายที่สำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่

ในที่สุด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo)

ยังคงมีความสามารถในการจัดการกับความกดดันและความรับผิดชอบอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นนักเตะที่ได้รับการยกย่องและเป็นแรงบันดาลใจอย่างสูงในวงการฟุตบอลระดับโลก การที่มีข้อมูลสุขภาพจาก WHOOP มาสนับสนุน ยิ่งทำให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมอารมณ์และสถานการณ์ของเขาได้อย่างเด่นชัด และท่านสามารถติดตามข่าวสารและผลการแข่งขันของ ยูโร 2024 ในการแข่งขันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติของเขา รวมถึงการแข่งขันใน แ ผ่านช่องทางที่เชื่อถือได้ตลอดการแข่งขัน

ภาพสะท้อนจากชัยชนะในเกมกับ มิทเทิลแลนด์

ถือว่าทำได้ตามเป้า แต่ต้องบอกว่า ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆสำหรับลิเวอร์พูล ที่พวกเค้าเอาชนะ มิทเทิลแลนด์ ในศึก UCL รอบแบ่งกลุ่มนัดที่สองได้ ทำให้เค้ามี 6 คะแนน ขึ้นนำจ่าฝูงแบบหล่อๆ น่าจะทำให้เกมสุดท้ายก่อนจบครึ่งทางในรอบแบ่งกลุ่ม น่าจะเป็นงานที่ไม่กดดันเท่าไร แต่ว่าชัยชนะครั้งนี้พวกเค้าก็เสียคนสำคัญอย่าง ฟาบินโญ่ ไปด้วยอาการบาดเจ็บ ซึ่งอาจจะต้องพักสัก 2-3 สัปดาห์ ทีนี้เรามาดูภาพสะท้อนจากชัยชนะในเกมนี้กันบ้างว่ามีมุมไหนดี ไม่ดีอะไรยังไง

ไลน์อัพ สำรองทำได้ดี (บางคน)

 

เกมนี้พอเห็นไลน์อัพออกมา ผู้รักษาประตู กับ กองหลัง นี่คือดีที่สุดเท่าที่มีแล้ว ส่วนกองกลาง กับกองหน้า มีการเปลี่ยนเอาเหล่าบรรดาตัวสำรองมาแสดงความสามารถกันด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชาคิรี่, ทาคุมิ มินามิโนะ , ดิว็อค โอริกี้ และ ดิเอโก้ โชตา หากนับสี่คนนี้ ต้องบอกว่า มีสองคนที่สอบผ่านก็คือ ชาคิรี่ ที่ทำได้ดีเสมอในยามที่ได้เล่น(แต่กลับไม่ค่อยได้ลงเล่น ไม่รู้ทำไม) ส่วน ดิเอโก้ โชต้า คนนี้ต้องบอกว่าทำได้ดีเลยมากกว่า การทำได้ 1 ประตู แสดงถึงผลงานอย่างต่อเนื่อง เป็นการบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวน่าจะปรับเข้ากับระบบการเล่นฟุตบอลของ คล็อปป์ ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ น่าจะเป็นตัวสอดแทรกเหล่าเทพแดนหน้าให้เค้นฟอร์มให้ดี ส่วนอีกสองคนบอกตามตรงว่า ยังไม่ผ่านต้องดีกว่านี้

สถิติการยิงแย่มาก

เกมนี้เล่นในแอนฟิลด์ ครึ่งแรกใครดูแม้จะเป็นแฟนลิเวอร์พูลต้องมีบ่นกันบ้าง เพราะว่าเล่นกันไม่ดีเลยโดยเฉพาะเกมรุกที่ทำอะไรก็ดูติดขัดไปหมด เชื่อหรือไม่ว่าครึ่งแรกลิเวอร์พูลยิงไม่ตรงกรอบสักครั้งเลย มาดีขึ้นก็ตอนครึ่งหลัง จากที่ ซาลาห์ และ มาเน่ ลงมาทำให้ยิงได้มากขึ้น สถิติเกมนี้ยิงไป 9 ครั้ง เข้า 2 ประตู ถือว่าเป็นภาพสะท้อนให้เห็นการเล่นที่ยิงทิ้งยิงขว้างกันไปเยอะ ยังดีที่เกมนี้เจองานไม่ยาก แต่ถ้าเป็นทีมในพรีเมียร์ลีคด้วยกัน พลาดแบบนี้อาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็เป็นได้ ถือว่าเป็นภาพสะท้อนการบ้านของคล็อปป์ต้องแก้ปัญหาต่อไป

เกมนอกสายตาที่แฟนบอลอย่าพลาดไป

เกมยูโรป้าลีค เป็นอีกหนึ่งเวทีที่เราได้จะได้เห็นหลายทีมที่อาจจะไม่ใช่ทีมใหญ่ แต่มีผลงานดีมาก แม้ว่าจะไม่ดีถึงขั้นขึ้นไปถึงเวที UCL ได้ แต่ก็น่าติดตามด้วยเหมือนกัน นอกจากเกมที่เรารู้จักพรีเมียร์ลีค มีอีกหลายทีมที่มาเจอกันน่าสนใจมาก แบบที่ไม่อยากให้แฟนบอลมองข้ามไป

เรนเจอร์ กับ เบนฟิก้า

เกมแรกที่บอกเลยว่าในฐานะแฟนบอลไม่ควรพลาดเลย เกมนี้มีผลน่าสนใจมากทั้งในสนามและการแข่งขันในกลุ่ม การเจอกันของเรนเจอร์ และ เบนฟิก้า ตอนนี้ทั้งคู่มีคะแนนเท่ากัน 7 คะแนน เกมนี้ค่อนข้างตัดสินเลยว่าใครจะได้เข้ารอบแบบแชมป์กลุ่ม หรือไม่ อีกด้านคู่นี้เป็นการเจอกันของตัวเต็งในรายการนี้ด้วย

อาร์แซค อัคมาร์ กับ รีล โซเซียดัด

คู่ต่อไปเราจะพาไปดูกลุ่มเอฟ กลุ่มนี้กำลังขับเคี่ยวกันหนักมาก มีทีมในกลุ่มคือ อาร์แซค อัคมาร์ , นาโปลี, รีล โซเซียดัด และ ไรจิก้า สามทีมแรกตอนนี้มีคะแนนเท่ากัน 6 คะแนน เกมนี้จึงต้องใส่กันเต็มที่เพื่อเอาชนะเก็บ 3 แต้มให้ได้จะได้มีแต้มฉีกออกไป เพราะว่านาโปลีน่าจะชนะบ๊วยกลุ่มแน่นอน ถ้าออกเสมอนี่บอกเลยว่างานหยาบทั้งคู่

สปาร์ต้า ปาร์ค กับ เซลติก

ม้าลายเขียวขาวอย่าง เซลติก ไม่น่าเชื่อว่ายอดทีมจากแดนวิสกี้ จะอยู่ในสภาพแบบนี้การอยู่บ๊วยของกลุ่ม H เป็นเรื่องที่พอทำใจได้ กลุ่มนี้โหดจริง ลีลล์, เอซี มิลาน, สปาร์ต้า ปาร์ค แข็งๆทั้งนั้น แต่หากพวกเค้าคิดจะไว้ลายทำอะไรให้เห็นบ้าง เกมนี้เจอกับ สปาร์ต้า ปาร์ค ต้องเอาชนะให้ได้ อย่างน้อยการมี 4 แต้ม มันก็ไม่ได้แย่นัก

ลีลล์ กับ เอซี มิลาน

กลุ่ม เอช เป็นกลุ่มแห่งความตายอีกกลุ่มหนึ่งเช่นกัน เกมนี้เป็นการมาเจอกันของหัวตาราง ลีลล์ กับ เอซี มิลาน เจอกัน เกมนี้จะวัดกันไปเลยว่า ใครจะเข้ารอบต่อไปในฐานะแชมป์กลุ่ม เอซี มิลาน เกมที่แล้วแพ้ไป เกมนี้คงต้องหวังแก้ตัวกันหน่อย ไม่แน่ เกมนี้พระเจ้าสลาตัน อาจจะสำแดงฤทธิ์เดชก็ได้ แฟนบอลต้องตามผลให้ดี

บทสรุปเกม แมนซิตี้ กับ ปารีส

 

อีกหนึ่งเกมฟุตบอลที่เราต้องยอมรับว่าผิดคาดพอสมควรระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ปารีส ที่เกมนี้จบง่ายอย่างที่คิด ตอนแรกที่คิดว่าจะสนุกกว่านี้ บี้มันกว่านี้ แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น ต้องยอมรับว่ามาตรฐานในเกมแรกที่เล่นดีกันคนละครึ่ง มาเกมนี้กลายเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้เล่นดีไปทั้งซักประมาณ 70 นาที เหลือให้ ปารีส เล่นดีแค่ 20 นาทีแรกเท่านั้น

ระบบเหนือความสามารถ

สองทีมนี้ถือว่าเป็นแนวทางทำทีมที่แตกต่างกันแบบชัดเจน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมที่เน้นระบบการเล่นอันสวยงาม ผู้เล่นทุกคนต้องจะเล่นฟุตบอลตามระบบของเป๊ปได้ ออกบอลได้ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้า ไม่ว่าใครจะเล่นตรงไหนก็ต้องทดแทนกันได้ตลอด กลับกันฝั่ง ปารีส เป็นการเล่นฟุตบอลที่เน้นความสามารถรายบุคคลมากกว่า การเล่นของนักเตะจะเน้นการเอาตัวรอดแบบ 1-1 เอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ จากนั้นก็เข้าทำเอง แล้วให้เพื่อนสนับสนุน เกมนี้แสดงให้เห็นว่าระบบของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหนือกว่าระบบความสามารถเฉพาะตัวเยอะเลย

เป๊ปเล่นง่าย

โดยปกติ เวลาเกมสำคัญแบบนี้ เป๊ป มักจะแพ้ภัยตัวเองด้วยการเอาแผนอะไรมาก็ไม่รู้ ทำให้นักเตะสับสน จนทำให้แผนที่วางไว้ทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ผลก็คือ เจ้าตัวแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ว่าเกมนี้เป๊ป เปลี่ยนใหม่ เค้าเลือกที่จะทำอะไรที่ง่าย และ นักเตะคุ้นเคย การเลือกแผน 4-4-2 ทำให้นักเตะคุ้นเคยกับระบบการเล่นอยู่แล้ว แม้ว่าเกมนี้ จะไม่ได้ส่งกองหน้าลงสนามก็ตามที (หน้าสองคนเป็น เดอ บรอยด์ และ ซิลวา)

 เกมจบแต่วัน

เกมนี้ปารีสถือว่าเสียเปรียบอย่างมาก จากผลการแข่งขันในเกมแรกที่แพ้มาก่อน ทำให้เกมนี้พวกเค้าต้องยิงประตูให้ได้ก่อน สองลูก เพื่อทำให้ทุกอย่างมันเท่ากัน แต่ว่ากลายเป็น แมนซิตี้ ที่ยิงนำก่อนสองประตูจากการเหมาของ ริยาด มาห์เรซ ทำให้ ปารีส ต้องยิงให้ได้ สี่ประตูเป็นอย่างน้อย กับเวลาที่เหลือเพียงแค่ 30 นาที ซึ่งมันทำให้นักเตะ ปารีส ถอดใจเล่นแบบเห็นได้ชัดเจน แถมมาโดนแดงจนเหลือ 10 คนอีก ก็จบตั้งแต่หัววันแบบไม่ได้ลุ้น

 

วิเคราะห์ประเด็น ทำไม แลมพ์ กระเด็น

วิเคราะห์ประเด็น ทำไม แลมพ์ กระเด็น

ถือว่าเป็นประเด็นข่าวที่สร้างความฮือฮามากที่สุดในรอบสัปดาห์ รองจากผลการแข่งขันเอฟเอคัพที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป นั่นก็คือ เชลซีได้ทำการแยกทาง แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือของทีม แบบที่ไม่มีกระแสข่าวออกมาก่อนเลย สื่อเองก็รู้ก่อนข่าวแถลงการณ์จากสโมสรออกไม่นานเท่าไร อย่างไรก็ตามเรามาวิเคราะห์กันว่า ทำไม แลมพาร์ด ถึงตกเก้าอี้กุนซือได้

ผลงานไม่ดีพอ

สิ่งที่เป็นตัวตัดสินการตัดสินใจครั้งนี้ของบอร์ดบริหาร ก็เพราะว่าผลงานของเค้าไม่ดีพอ ซึ่งว่ากันตามตรงผลงานก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น มองจากตรงนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด พาทีมจบที่ 2 ของถ้วยเอฟเอคัพ และได้ที่ 4 ไปลุย UCL ในซีซั่นนี้ได้ ไม่เท่านั้น ยังพาทีมเป็นแชมป์กลุ่มรอบแบ่งกลุ่มด้วย แต่ว่าตัดภาพมาล่าสุด เกมชนะ ฟูแล่ม 1-0 แต่ก่อนหน้านั้น 6 เกม ชนะ 1 เกม เสมอ 1 เกม แพ้ไปถึง 4 เกม (แถมยังแพ้ อาร์เซนอล ศึกแห่งศักดิ์ศรีอีก) จากเป็นจ่าฝูงตารางลีค ตอนนี้หล่นมาที่ 9 แล้วก็เลยไม่แปลกที่บอร์ดต้องตัดสินใจ

สตาร์ดังไม่เกิด

ก่อนหน้าซีซั่นจะเริ่ม เชลซี ได้ทุ่มซื้อนักเตะตามใจแลมพ์มาเพียบเลย การลงทุนกว่า 200 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่น้อยเลยในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ ปรากฏว่า นักเตะตัวความหวังอย่าง ไค ฮาร์แวตช์ , ติโม แวร์เนอร์ , ฮาคิม ซีเย็ค ไม่ได้แสดงผลงานได้ตามต้องการเท่าไร สตาร์ดังไม่เกิดอย่างนี้ บอร์ดเองก็เลยมองว่า แลมพ์ ไม่มีความสามารถในการดึงความสามารถนักเตะเหล่านั้นออกมา

เปลี่ยนก่อนไม่ทันการ

ผลพวงของฟอร์มที่ตกลงในช่วงนี้ แบบเถียงไม่ออก ทำให้บอร์ดยอมไม่ได้ ต้องรีบเปลี่ยนก่อนไม่ทันการ แม้ว่าตอนนี้อยู่อันดับ 9 แต้มห่างพื้นที่ UCL 6 แต้ม แม้จะมองว่าไม่มาก แต่ในสถานการณ์แบบนี้ 6 แต้ม ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย ไหนจะเกมที่ต้องเจอกับ แอต.

มาดริด ใน UCL อีก งานนี้ไม่ง่ายเลย จึงต้องเปลี่ยนก่อนถึงสถานการณ์ตรงนั้น นี่คือสาเหตุหลักที่ แลมพ์ กระเด็นออกไปจากตำแหน่ง

เก็บตกประเด็นหลังเกมแดงเดือด

เก็บตกประเด็นหลังเกมแดงเดือด

จบลงไปแบบสมานฉันท์ทั้งสองฝ่าย ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมแดงเดือดครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการไม่มีประตูในเกมนี้เป็นเพียงแค่อย่างเดียวที่ทำให้แดงเดือดรอบนี้ไม่เดือดสมชื่อเลย เรามาเก็บตกประเด็นหลังเกมนี้กันบ้างมีอะไรน่าสนใจ

ดีกันคนละครึ่ง

หากมองในเรื่องของฟอร์ม ต้องยอมรับว่าถ้านับเป็นคะแนนเหมือนมวยสากลสมัคร ก็ต้องชูมือให้กันคนละครึ่ง ครึ่งแรกเป็นของฝั่งลิเวอร์พูลเจ้าบ้านได้เปรียบทำออกมาดีกว่าเยอะ ยิ่งช่วงต้นเกม เหมือนทางลิเวอร์พูลทำการบ้านมาดีว่าจะต้องเข้าบดบี้ก่อนที่แมนยูจะตั้งเกมได้ หวังได้ประตูนำก่อนเพื่อกุมความได้เปรียบ แต่ว่าก็ทำไม่สำเร็จ ส่วนครึ่งหลังเป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กลับมาตั้งลำได้ดี และอาศัยความได้เปรียบเรื่องความฟิต และความเก๋าที่ทำได้ดีกว่า น่าเสียดายที่แม้จะดีกันคนละครึ่งแต่ก็ไม่สามารถทำได้ถึงประตู

แดนกลางบดบี้กันสนุก

เกมนี้เป็นไปตามที่หลายสื่อวิเคราะห์กันไว้ เป็นการต่อสู้กันในแดนกลางอย่างแท้จริง ทั้งสองฝั่งต่างหวังจะคุมแดนกลางได้ เพื่อจะเอาบอลมาให้ได้ แล้วจ่ายแทงบอลไปแดนหน้าให้ 3 ตัวรุกขึ้นทำเกม นั่นทำให้ทั้งเกมเป็นการชิงจังหวะของแผงกองกลางทั้งสองฝ่าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็มีจังหวะสวนหมัดกันไปคนละตุ๊บสองตุ๊บเหมือนกัน ถือว่าเป็นเกมที่น่าอึดอัดมาก

ต่อสู้กันด้วยแท็คติคล้วนๆ

เกมแดงเดือดในยุคหลัง ต้องบอกว่าเป็นเกมแดงเดือดที่เดือดแบบที่ไม่ใช่เราคุ้นเคย เกมนี้เป็นแดงเดือดที่วัดกันด้วยแท็คติคของโค้ชสองฝ่ายล้วนๆ โซลชา และ คล็อปป์ ก็รู้ดี เกมนี้สำคัญแค่ไหนและต้องทำอย่างไรถึงจะเอาตัวรอดมาได้ แม้จะทำให้รูปเกมดูอึดอัดไปบ้าง แต่ก็ยอมรับว่าเป็นแดงเดือดที่แท็คติคเดือดมากทั้งคู่ มีการแก้เกมกันไปมาทั้งการส่งผู้เล่นลงสนาม และการเปลี่ยนฟอร์เมชั่นระหว่างเกม สรุปถือว่าเป็นแดงเดือดที่ลุ้นจนแฟนบอลทั้งสองฝ่ายเกร็งมากที่สุดครั้งหนึ่ง

เห็นอะไรในทีมชาติอังกฤษบ้าง จากเกมเปิดหัวคัดบอลโลก

เห็นอะไรในทีมชาติอังกฤษบ้าง จากเกมเปิดหัวคัดบอลโลก

ต้องบอกว่าเป็นการเปิดหัวคัดบอลโลกที่ถือว่าสวยงามทีเดียว ทีมชาติอังกฤษ เจอกับ ซานมาริโน่ แน่นอนว่าคงไม่มีใครคิดว่า ซานมาริโน่ จะบุกมาชนะได้ หรือ อย่างน้อยก็เสมอก็คงจะยาก แต่การชนะถึง 5-0 ก็มีประเด็นน่าสนใจหลังเกมให้พูดกับเยอะทีเดียว

เล่นกันได้ แต่ยังไม่เข้ากัน

การเรียกตัวมาติดทีมชาติอังกฤษครั้งนี้ของ เซาท์เกธ กุนซือทีมชาติอังกฤษ ต้องยอมรับว่า เค้าเลือกนักเตะมาติดจากผลงานเลยก็ว่าได้ นักเตะที่เรียกมาติดเกือบทุกคนแทบจะไม่มีข้อกังขาในเรื่องของฟอร์มการเล่นเลย นับเฉพาะตอนปัจจุบันทุกคนอยู่ในฟอร์มดีกันทั้งนั้น แต่การเรียกนักเตะมาคราวนี้ยอมรับเลยว่าเกมแรกพวกเค้ายังเล่นไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร หลายจังหวะมันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ทั้งช็อตหน้าประตูพลาดของ โดมินิค คัลเวิร์ตเลวิน เป็นต้น การเล่นให้เข้ากันกว่านี้ทีมชาติอังกฤษอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก

ซ้อมการเจาะเกมรับ

หากไม่นับ โปแลนด์ ที่ดูน่าจะเป็นคู่แข่งที่แข็งสุดในกลุ่ม ทีมอื่นดูจะด้อยกว่าอังกฤษอยู่ประมาณสามช่วงตัวทีเดียว (เอาจากนักเตะชุดนี้ด้วยนะ) นั่นทำให้เกือบทุกเกมต่อจากนี้ อังกฤษจะเจอการตั้งรับแบบรับลึก เพื่อรอจังหวะสวนกลับ ปัญหาก็คือ อังกฤษจะมีวิธีการเจาะเกมรับที่หนาแน่นแบบนี้อย่างไร เกมนี้เราพอเห็นภาพเลย จะมีการเล่นสองสามอย่าง หนึ่งการเล่นลูกกลางอากาศของ คัลเวิร์ต เลวิน โดยมี วอร์ดส พราวส์เป็นคนชงให้ สองเป็นการเล่นแบบลากเลี้ยง เน้นเร็ว วูบวาบ เพื่อทำให้กองหลังถอยไม่ทันอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หรือ ฟิล โฟเด้น ในครึ่งหลัง สามการเล่นลูกนิ่งที่น่าจะมีการซ้อมมาเป็นอย่างดีด้วย บวกกับเท้าชั่งทองของ วอร์ดส พราวส์ ซึ่งจากเกมนี้น่าจะทำให้เห็นว่ามาตั้งรับลึก อังกฤษ เจาะได้

นักเตะใหม่โชว์ฟอร์มดี

แม้ว่าการเจอกับ ซานมาริโน่ อาจจะไม่ได้ทำให้อังกฤษ เหนื่อยเท่าไร แต่ว่านักเตะใหม่หลายคน รวมถึงคนที่หวนกลับมาติดทีมชาติ เล่นด้วยความกระหายมาก แบบจะให้เซาท์เกธติดใจเลย ทั้ง วอร์ด พราวส์ และ วัตกินส์ ที่เกมนี้ยิงประตูแรกให้กับตัวเองได้ในนามทีมชาติทั้งคู่ ลินการ์ด ที่วูบวาบตีคู่มากับ สเตอร์ลิ่ง และคนอื่นๆ บอกเลยว่างานนี้ใครที่ยังไม่ติดทีมต้องเร่งฟอร์มเลย ไม่งั้นโอกาสติดทีมชาติมันจะน้อยลงไปอีก

วิเคราะห์ อาร์เซนอล ครึ่งฤดูกาลผ่านไป เป็นอย่างไรกันบ้าง

วิเคราะห์ อาร์เซนอล ครึ่งฤดูกาลผ่านไป เป็นอย่างไรกันบ้าง

เป็นอีกหนึ่งที่ต้องบอกว่าแฟนคลับของพวกเค้าเองค่อนข้างคาดหวังผลงานมากในซีซั่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการเข้ามาของอาร์เตต้า ได้ทำให้อาร์เซนอล สามารถไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ถึงสองรายการในเวลาไม่นานก็คือ เอฟเอคัพ และ คอมมูนิตี้ชิลด์ หลังจากความสำเร็จสองรายการ มาซีซั่นนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเค้าบ้างในครึ่งซีซั่นเราไปดูกัน

ต้นดี ปลายไม่ดี

หากมีวลีที่ว่า ต้นร้ายปลายดี อาร์เซนอล ก็คงจะตรงกันข้ามกัน เป็น ต้นดี ปลายไม่ดีเท่าไร หลังจากได้แชมป์ คอมมูนิตี้ชิลด์ อาร์เซนอล ก็เหมือนจะสดใสมาก ฟอร์มในเวลานั้น ใครก็คิดว่าพวกเค้ากลับมาแล้ว แต่ว่าพอผ่านเกมนัดที่ 5 ไป ทุกอย่างมันตื่นขึ้นจากฝัน มาเจอความจริงอันโหดร้าย จากนั้นฟอร์มของอาร์เซนอล ดิ่งลงแบบที่ใครก็ไม่สามารถดึงกลับมาได้นักเตะเล่นออกจากฟอร์มที่เคยมีกันหมด จนทำให้ตอนนี้ อาร์เซนอล ร่วงไปอยู่ครึ่งล่างของตารางคะแนนลีคแบบที่แฟนบอลอึ้งกันไปเลย

เกมรุกบอดสนิท

สาเหตุที่ทำให้ อาร์เซนอล กลายเป็นทีมกลางตารางไปแบบไม่มีใครคาดคิด ส่วนหนึ่งก็มาจากเกมรุกของพวกเค้าที่ต้องใช้คำว่า บอดสนิท กันเลยทีเดียว ตัวรุกที่เคยจัดจ้านอย่าง โอบาเมยอง , ลากาแซต ,วิลเลี่ยน ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ฟอร์มตกอย่างหนัก แม้จะเรียกคืนมาได้บ้างก่อนจบครึ่งซีซั่น แต่มันก็เป็นเพียงแค่สัญญาณเบาบางเท่านั้นเอง พอเกมรุกบอดยิงใครไม่ได้ ก็ทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงไป

เกมรับไม่น่ากลัว

ว่ากันที่เกมรุก ไปดูเกมรับบ้าง ต้องใช้คำว่า บ่อน้ำมัน เคลื่อนที่กันเลยสำหรับอาร์เซนอลในเวลานี้ ทั้ง ดาวิด ลุยส์ และ คนอื่นไม่ใช่กองหลังที่จะฝากผีฝากไข้อะไรได้ พวกเค้าพร้อมจะเสียประตูให้กับทุกทีมที่เค้ามาเล่น นี่ยังไม่นับการเล่นของนักเตะที่พร้อมจะเสียใบเหลืองใบแดงแบบไม่น่าเสียอีก นั่นเท่ากับเค้าทำให้ทีมลำบากแบบไม่ตั้งใจเลย ยังดีว่าก่อนจะจบครึ่งซีซั่นเหมือนจะพอเห็นสัญญาณบวกอยู่บ้าง ต้องดูว่า อาร์เตต้า จะจับสัญญาณบวกตรงนั้นเป็นแรงส่งให้กลับไปอยู่ท็อปของตารางได้หรือไม่

คาวานี่ ตัวคอมโบที่ต้องมา(เสียที)

คาวานี่ ตัวคอมโบที่ต้องมา(เสียที)

เกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ไปได้ 4-1 ต้องบอกเลยว่าคีย์ความสำเร็จข้อหนึ่งเป็นการเอากองหน้าธรรมชาติลงทำเกมสักทีอย่าง เอดินสัน คาวานี่ เรามองว่า เค้าคนนี้แหละที่ควรจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงสักทีในเกมกับ เซาท์แธมป์ตัน ในลีคสุดสัปดาห์นี้ เพราะเค้าคือตัวคอมโบที่เรากำลังตามหา

โป้ง ปิดบัญชี

สิ่งแรกที่แมนยูขาดไปนานมากแล้ว ก็คือศูนย์หน้าตัวปิดบัญชีที่ไว้ใจได้ คนสุดท้ายที่เราเห็นก็คือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช พระเจ้าที่เคยมาเป็นซาตานอยู่พักหนึ่ง ตอนนั้นกองหน้าดูคมขึ้นมาเลย การมาของคาวานี่อาจจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีอิมแพ็คเท่านั้นหรือไม่ แต่การได้ศูนย์หน้าเป้าธรรมชาติมายืนทำให้แมนยูมีกองหน้าแบบโป้งปิดบัญชีสักที แบบไม่ต้องวิ่งเร็วอะไรมาก พอบอลจ่ายมาเข้าเท้าก็พร้อมจะทำประตูด้วยการพลิกยิงได้เลย แตกต่างจากที่เหลือที่เป็นสายวิ่งเหมาะกับเกมสวนกลับ

คอมโบ บรูโน่

หลายครั้งที่เค้าลงสนามมา ทำให้เห็นว่า แม้พี่เค้าจะยังไม่ฟิตเท่าไร จากการร้างสนามมานาน แต่ว่าเซนส์บอลเค้าไม่ได้ทื่อลงไปด้วย เราจะเห็นการคอมโบระหว่างเค้ากับบรูโน่ ในลักษณะหน้าต่ำ กับหน้าเป้า ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลทะลุช่องที่มองตารู้ใจกันว่าจะไปช่องไหน ถึงจะได้เปรียบ หรือจะเป็นการเล่นชิง 1-2 เพื่อให้บรูโน่ ยิงไกลจากนอกกรอบ การคอมโบแบบนี้แหละที่แมนยูขาดไป

คอมโบ แรช หรือ หมาก

คาวานี่ หากยืนหน้าเป้าไม่ได้เป็นคอมโบ กับ บรูโน่ เท่านั้น เค้ายังเป็นคอมโบที่ รุ่นน้องอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และอองโตนีย์ มาร์คซิยาลต้องการด้วย เพราะว่าการมาของคาวานี่พอไปยืนหน้าเป้าจะทำให้ดึงตัวประกบออกไปทำให้น้องทั้งสองเล่นง่ายมากขึ้น ยังไม่นับการดึงตัวประกบลงต่ำ แล้วเป็นตัวหลอก จากนั้นให้คนใดคนหนึ่งสอดไลน์วิ่งขึ้นมาเล่นได้ด้วย หรือจะเป็นการคอมโบเปิดเข้ามากลางแล้วแท็ปอินเข้าไป ดังนั้นถ้าเกมนี้ฟิตพี่เค้าต้องลงมาคอมโบให้มันจบ

ตรวจการบ้าน อาร์เซนอล ทำอะไรไปแล้วบ้าง

ตรวจการบ้าน อาร์เซนอล ทำอะไรไปแล้วบ้าง

ผลงานในซีซั่นที่แล้วของอาร์เซนอล ต้องใช้คำว่า ล้มเหลวได้เลย ทั้งฟุตบอลลีค บอลถ้วย ในประเทศและบอลถ้วยต่างประเทศ อาร์เซนอล ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย นั่นทำให้ซีซั่นนี้ พวกเค้ามีการบ้านต้องแก้ไขเยอะมาก อย่างที่เรามองซีซั่นที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของ มิเกล อาร์เตต้า แล้วดังนั้นจะดีไม่ดี ก็อยู่ที่การซื้อตัวมาเสริมนี่แหละ มาดูกันว่า อาร์เซนอล ทำอะไรไปแล้วบ้าง

หาตัวแทน ดาวิด ลุยซ์

การบ้านข้อแรกเป็นการแก้ไขปัญหากองหลังของอาร์เซนอล พวกเค้าเสียกองหลังตัวเก่งอย่าง ดาวิด ลุยซ์ ปัญหากองหลังของอาร์เซนอล พวกเค้าเสียกองหลังเสริมนี่แหละ มาดูกันว่า อาร์เซนอล ทำอะไรไปแล้วบ้างล ไม่ประสไป นั่นทำให้พวกเค้าไม่มีทางเลือกต้องหากองหลังคนใหม่เข้ามาเสริม จากข่าวที่หลุดมา เบน ไวท์ จากไบร์ทตัน ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี สมเหตุสมผล แต่ความยากของการบ้านข้อนี้ก็คือ พวกเค้าต้องทุ่มเยอะเหมือนกัน ไบร์ทตัน ก็ไม่อยากปล่อย รวมถึงตัวนักเตะเองก็ไม่ได้แสดงความอยากมาขนาดนั้น ราคาที่คุยกันไว้ที่ 50 ล้านปอนด์ อาจจะแพงไปสักหน่อย แต่ชั่วโมงนี้ถ้าอยากได้ต้องทุ่มแล้วดีกว่าไปหว่านเอาใครก็ไม่รู้มา

ปิดดีล แบ็ค

อีกหนึ่งข้อการบ้านที่อาร์เซนอล ทำสำเร็จไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นก็คือ การหาแบ็คซ้ายมาเสริมทีม อันนี้ถือว่าการบ้านตอบโจทย์มาก หากใครยังจำได้ ซีซั่นที่แล้ว ยังมีบางเกมที่เอา กรานิต ชาก้า ไปยืนตรงนี้ เพื่อ….

.

การปิดดีล นูโน่ ตาวาเรส ถือว่ตอบโจทย์ได้ดี คนนี้มาจากเบนฟิก้า ราคาก็ไม่แพง 8 ล้านปอนด์ ก็พอคุ้ม ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าจะดีแค่ไหน

ตามหา เพลย์เมกเกอร์

หลังจากที่พวกเค้า ไม่ได้มีโอซิล ในสนาม ยอมรับเลยว่าพวกเค้าขาดคนทำเกมไปเลย เห็นชัดๆตอนที่ยืมโอเดการ์ดมาจากมาดริด เกมรุกดูวูบวาบขึ้นเยอะ ครั้นจะไปฝากความหวังไว้ที่ สมิธ โรว คนเดียวก็คงจะไม่ได้ ทีนี้พวกเค้าจะต้องหาตัวมาเสริมจากข่าว ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะได้ อาอูอาร์ จากลียง หากได้จริงหากจะมองว่าได้คนมาทำหน้าที่ตามตำแหน่งก็ถือว่าตอบโจทย์ แต่จะดีไหม หรือได้จริงไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง