จบลงไปแบบสมานฉันท์ทั้งสองฝ่าย ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมแดงเดือดครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการไม่มีประตูในเกมนี้เป็นเพียงแค่อย่างเดียวที่ทำให้แดงเดือดรอบนี้ไม่เดือดสมชื่อเลย เรามาเก็บตกประเด็นหลังเกมนี้กันบ้างมีอะไรน่าสนใจ
ดีกันคนละครึ่ง
หากมองในเรื่องของฟอร์ม ต้องยอมรับว่าถ้านับเป็นคะแนนเหมือนมวยสากลสมัคร ก็ต้องชูมือให้กันคนละครึ่ง ครึ่งแรกเป็นของฝั่งลิเวอร์พูลเจ้าบ้านได้เปรียบทำออกมาดีกว่าเยอะ ยิ่งช่วงต้นเกม เหมือนทางลิเวอร์พูลทำการบ้านมาดีว่าจะต้องเข้าบดบี้ก่อนที่แมนยูจะตั้งเกมได้ หวังได้ประตูนำก่อนเพื่อกุมความได้เปรียบ แต่ว่าก็ทำไม่สำเร็จ ส่วนครึ่งหลังเป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กลับมาตั้งลำได้ดี และอาศัยความได้เปรียบเรื่องความฟิต และความเก๋าที่ทำได้ดีกว่า น่าเสียดายที่แม้จะดีกันคนละครึ่งแต่ก็ไม่สามารถทำได้ถึงประตู
แดนกลางบดบี้กันสนุก
เกมนี้เป็นไปตามที่หลายสื่อวิเคราะห์กันไว้ เป็นการต่อสู้กันในแดนกลางอย่างแท้จริง ทั้งสองฝั่งต่างหวังจะคุมแดนกลางได้ เพื่อจะเอาบอลมาให้ได้ แล้วจ่ายแทงบอลไปแดนหน้าให้ 3 ตัวรุกขึ้นทำเกม นั่นทำให้ทั้งเกมเป็นการชิงจังหวะของแผงกองกลางทั้งสองฝ่าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็มีจังหวะสวนหมัดกันไปคนละตุ๊บสองตุ๊บเหมือนกัน ถือว่าเป็นเกมที่น่าอึดอัดมาก
ต่อสู้กันด้วยแท็คติคล้วนๆ
เกมแดงเดือดในยุคหลัง ต้องบอกว่าเป็นเกมแดงเดือดที่เดือดแบบที่ไม่ใช่เราคุ้นเคย เกมนี้เป็นแดงเดือดที่วัดกันด้วยแท็คติคของโค้ชสองฝ่ายล้วนๆ โซลชา และ คล็อปป์ ก็รู้ดี เกมนี้สำคัญแค่ไหนและต้องทำอย่างไรถึงจะเอาตัวรอดมาได้ แม้จะทำให้รูปเกมดูอึดอัดไปบ้าง แต่ก็ยอมรับว่าเป็นแดงเดือดที่แท็คติคเดือดมากทั้งคู่ มีการแก้เกมกันไปมาทั้งการส่งผู้เล่นลงสนาม และการเปลี่ยนฟอร์เมชั่นระหว่างเกม สรุปถือว่าเป็นแดงเดือดที่ลุ้นจนแฟนบอลทั้งสองฝ่ายเกร็งมากที่สุดครั้งหนึ่ง