Category Archives: ข่าวฟุตบอล

ทีมชาติ-อังกฤษ

ฟุตบอล ยูโร 2024 ทีมชาติ อังกฤษ เข้ารอบชิงชนะเลิศ

ทีมชาติ อังกฤษ ทะยานสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2024

ในคืนวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567 ณ สนามเบเฟาเบ สตาดิโอน เมืองดอร์ทมุนด์ ประเทศ เยอรมนี การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง ทีมชาติ อังกฤษ และ เนเธอร์แลนด์ จบลงด้วยชัยชนะของ “สิงโตคำราม” ด้วยสกอร์ 2-1
เกมเริ่มต้นด้วยความได้เปรียบของ “อัศวินสีส้ม” เมื่อ ซาฟี ซิมอนส์ ทำประตูให้ เนเธอร์แลนด์ ขึ้นนำในนาทีที่ 7 อย่างไรก็ตาม อังกฤษ ไม่ยอมแพ้ และได้จุดโทษในนาทีที่ 14 หลังจาก แฮร์รี เคน ถูกเดนเซล ดุมฟรีส์ ทำฟาวล์ในเขตโทษ เคน รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไปอย่างเฉียบขาด ทำให้สกอร์เสมอกัน 1-1 ในนาทีที่ 18
ครึ่งหลังเป็นการต่อสู้ที่สูสีและดุเดือด ทั้งสองทีมพยายามทำประตูชัยแต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งช่วงทดเจ็บในนาทีที่ 90+1 โอลลี วัตกินส์ กลายเป็นฮีโร่ด้วยการยิงประตูชัยให้อังกฤษ ส่งผลให้ “สิงโตคำราม” เอาชนะไปได้ 2-1
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ทีมชาติอังกฤษผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยจะพบกับ ทีมชาติ สเปน ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญของอังกฤษในการคว้าแชมป์ยูโรเป็นสมัยแรก ทางเรายังมี ผลบอลสดsbobet อัพเดทให้คุณ ทุกวัน เพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดข่าวสาร

รายชื่อ 11 ตัวจริงของ ทีมชาติ อังกฤษ

ผู้รักษาประตู:
จอร์แดน พิคฟอร์ด

แนวรับ:
ไคล์ วอล์คเกอร์
จอห์น สโตนส์
มาร์ค เกฮี
คีแรน ทริปเปียร์

กองกลาง:
ดีแคลน ไรซ์
ค็อบบี เมนู
จู๊ด เบลลิงแฮม

แนวรุก:
บูกาโย ซากา
ฟิล โฟเดน
แฮร์รี เคน (กัปตันทีม)

ผู้จัดการทีม: แกเร็ธ เซาธ์เกต
การจัดทัพของ อังกฤษ ครั้งนี้ผสมผสานระหว่างประสบการณ์และความสดใหม่ได้อย่างลงตัว โดยมีกองหน้าระดับโลกอย่างเคนเป็นหัวหอก พร้อมด้วยมิดฟิลด์ดาวรุ่งฟอร์มแรงอย่างเบลลิงแฮม และปีกความเร็วสูงอย่างซากา

สถิติการพบกันระหว่าง อังกฤษ และ เนเธอร์แลนด์ (5 นัดล่าสุด)

7 มิถุนายน 2562: อังกฤษ 1-3 เนเธอร์แลนด์
24 มีนาคม 2561: อังกฤษ 1-0 เนเธอร์แลนด์
30 มีนาคม 2559: อังกฤษ 1-2 เนเธอร์แลนด์
1 มีนาคม 2555: อังกฤษ 2-3 เนเธอร์แลนด์
13 สิงหาคม 2552: อังกฤษ 2-2 เนเธอร์แลนด์

จากสถิติ 5 นัดล่าสุด เนเธอร์แลนด์ มีผลงานเหนือกว่า โดยชนะ 3 นัด เสมอ 1 นัด และแพ้ 1 นัด อังกฤษ ชนะเพียงนัดเดียวในปี 2561 ทั้งนี้ 4 ใน 5 นัดเป็นการเล่นในบ้านของ อังกฤษ แสดงให้เห็นถึงฟอร์มที่แข็งแกร่งของทีม เนเธอร์แลนด์ ในการเยือนแดนผู้ดี

ฟอร์มล่าสุดของ ทีมชาติ อังกฤษ ก่อนพบ เนเธอร์แลนด์ ในรอบรองชนะเลิศยูโร 2024

ผลงาน 6 นัดล่าสุด:
ชนะ: 1 นัด
เสมอ: 4 นัด
แพ้: 1 นัด

ประสิทธิภาพการทำประตู:

ยิงได้: 4 ประตู
เสีย: 4 ประตู

สถิตินี้สะท้อนให้เห็นถึงฟอร์มที่ไม่แน่นอนของทีมสิงโตคำราม โดยมีอัตราการชนะเพียง 16.67% ทีมมีแนวโน้มที่จะเสมอบ่อยครั้ง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างการรุกและรับ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพการทำประตูค่อนข้างต่ำ เฉลี่ยทำได้เพียง 0.67 ประตูต่อเกม ในขณะที่แนวรับก็เสียประตูในอัตราเดียวกัน สามารถ รับชม ผลบอลสด ผ่าน ผลบอลสดsbobet ได้ที่นี่

เยอรมนี-พบ-สเปน

ฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 8 ทีม ระหว่าง เยอรมนี พบ สเปน

ฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 8 ทีม ระหว่าง เยอรมนี พบ สเปน

ทีมชาติ เยอรมนี

11 ตัวจริง ทีมชาติ เยอรมนี

ผู้รักษาประตู:
มานูเอล นอยเออร์

แนวรับ:
โจซัว คิมมิช
โจนาธาน ทาห์
อันโตนิโอ รูดิเกอร์
เดวิด รวม

กองกลาง:
โทนี โครส
โรเบิร์ต อันดริช
จามาล มูเซียลา
อิลคาย กุนโดกัน

แนวรุก:
ฟลอเรียน เวียทซ์
ไค ฮาเวิร์ตซ์

การจัดทัพครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ ทีมชาติ เยอรมนี โดยผสมผสานระหว่างนักเตะที่มีประสบการณ์สูงอย่าง นอยเออร์ และ โครส กับดาวรุ่งฝีเท้าดีอย่าง มูเซียลา และ ฮาเวิร์ตซ์

ผลงานที่ผ่านมา ทีมชาติ เยอรมนี รอบ 16 ทีม

ทีมชาติ เยอรมนี เจ้าภาพการแข่งขัน ยูโร 2024 สามารถเอาชนะ เดนมาร์ก ไปได้ 2-0 ในการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย ณ สนามซิกนัล อิดูนา พาร์ค เมืองดอร์ทมุนด์ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567
ครึ่งแรกเป็นการแข่งขันที่สูสีและไม่มีประตูเกิดขึ้น แม้ว่าเยอรมนีจะมีโอกาสทำประตูในช่วงต้นเกม แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากการทำฟาวล์ก่อนหน้านั้น นอกจากนี้ยังมีการหยุดเกมชั่วคราวเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
ครึ่งหลังเป็นช่วงเวลาที่เยอรมนีแสดงความเหนือชั้น โดยได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 53 จากจุดโทษที่ ไค ฮาเวิร์ตซ์ เป็นผู้สังหาร ตามมาด้วยประตูที่สองในนาทีที่ 68 จากการยิงของ จามาล มูเซียลา
ชัยชนะนี้ทำให้เยอรมนีผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยจะรอพบกับผู้ชนะระหว่าง จอร์เจีย กับ สเปน ในรอบต่อไป ทางเรามีการถ่ายทอดสดให้ท่านได้ชม ผ่าน sbobet auto รวดเร็วก่อนใคร
สรุปผลการแข่งขัน:

เยอรมนี 2-0 เดนมาร์ก
ผู้ทำประตู: ไค ฮาเวิร์ตซ์ (53′ จุดโทษ), จามาล มูเซียลา (68′)

ผลงานของ ทีมชาติ เยอรมนี ในรอบแบ่งกลุ่มยูโร 2024

ทีมชาติ เยอรมนี เจ้าภาพการแข่งขัน ยูโร 2024 แสดงฟอร์มที่น่าประทับใจในรอบแบ่งกลุ่ม โดยมีผลงานดังต่อไปนี้:
วันที่ 14 มิถุนายน 2567: เยอรมนี 3-0 สกอตแลนด์
เยอรมนีเปิดฉากการแข่งขันด้วยชัยชนะอย่างสวยงามเหนือ สกอตแลนด์
วันที่ 19 มิถุนายน 2567: เยอรมนี 2-0 ฮังการี
ทีมอินทรีเหล็กรักษาฟอร์มที่ดีด้วยการเอาชนะ ฮังการี ได้อย่างเด็ดขาด
วันที่ 23 มิถุนายน 2567: เยอรมนี 1-1 สวิตเซอร์แลนด์
ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เยอรมนีทำได้เพียงเสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์

ด้วยผลงาน 2 ชนะ 1 เสมอ ทีมชาติเยอรมนีสามารถผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้อย่างสวยงาม โดยทำประตูได้ 6 ประตู และเสียเพียง 1 ประตู แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทั้งในแนวรุกและแนวรับของทีม

วิเคราะห์ ทีมชาติ เยอรมนี

ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือทีมอินทรีเหล็ก มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นบางตำแหน่ง โดย โยนาธาน ทาห์ พ้นโทษแบนและน่าจะกลับมาเป็นตัวจริงในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กแทน นิโก้ ชล็อตเทอร์เบ็ค ขณะที่ ดาวิด เราม์ มีลุ้นยึดตำแหน่งแบ็กซ้ายต่อ ทำให้ มักซิมิเลี่ยน มิตเทลชเตดท์ อาจต้องนั่งสำรอง
แดนกลาง โทนี่ โครส มิดฟิลด์จอมเก๋าจะจับคู่กับ โรเบิร์ต อันดริช ส่วนแนวรุก ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ มีโอกาสกลับมาเป็นตัวจริงแทน เลรอย ซาเน่ โดยจะร่วมงานกับ จามาล มูเซียล่า และ อิลคาย กุนโดอัน กัปตันทีม คอยสนับสนุน ไค ฮาแวร์ตซ์ ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า
ส่วน นิคลาส ฟืลล์ครุก ผู้ทำประตูในเกมเสมอ สเปน 1-1 ศึกฟุตบอลโลก 2022 น่าจะเป็นตัวสำรองในเกมนี้ สามารถมาร่วมสนุกแทงบอล กับ sbobet auto กับเราได้ตลอด 24 ชม.

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อัตราการเต้นหัวใจต่ำเหลือเชื่อขณะเตรียมยิงจุดโทษ แม้เพิ่งพลาดไปก่อนหน้า

ในเกมที่ทีมชาติโปรตุเกสพบกับทีมชาติสโลวีเนีย ในศึกยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้น 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) แสดงให้เห็นถึงความสงบนิ่งอย่างน่าทึ่ง ในช่วงที่ประหม่าที่สุดของการแข่งขัน จากการเปิดเผยข้อมูลทางสุขภาพจาก WHOOP สื่อที่นำเสนอด้านสุขภาพของนักกีฬาแม้ว่าในช่วงนาทีที่ 105 ของการแข่งขัน โรนัลโด้ จะมีโอกาสทำประตูจากการยิงลูกจุดโทษ แต่เขากลับพลาดไป ทำให้เจ้าตัวมีความเสียใจอย่างมาก และถึงขั้นร้องไห้ในช่วงหมดครึ่งแรกของการต่อเวลาพิเศษ ด้วยความคิดที่จะต้องแก้ตัว โรนัลโด้กลับมาโดดเด่นเมื่อเขาได้รับโอกาสยิงเป็นคนแรกในช่วงดวลจุดโทษ ซึ่งความสามารถนี้สำคัญมากสำหรับทีมชาติ โปรตุเกส ในการถูกเสนอชื่อผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ

หลายคนอาจจะเชื่อว่าสถานการณ์ที่ต้องยิงลูกจุดโทษในช่วงดวลเป้าจะทำให้นักเตะทุกคนต้องตื่นเต้น

จนกระทั่งมีอัตราการเต้นของหัวใจสูง แต่จากข้อมูลของ WHOOP ในเวลาที่เดินมายิงลูกจุดโทษเป็นคนแรก โรนัลโด้ มีอัตราการเต้นของหัวใจต่ำที่สุดในระหว่างเกมดังกล่าวอยู่ที่เพียง 100 ครั้งต่อนาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าเขามีความสงบนิ่งอย่างมากในสถานการณ์ที่ต้องแบกรับความกดดันสูง ก่อนที่สุดท้ายเขาจะยิงลูกจุดโทษเข้าไปสำเร็จ และอัตราการเต้นของหัวใจของเขาพุ่งไปอยู่ที่ราว ๆ 150 ครั้งต่อนาทีหลังจากยิงเข้าไป

สำหรับตอนที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส (Bruno Fernandes) ยิงเข้าเป็นคนลำดับที่สอง

อัตราการเต้นของหัวใจของ โรนัลโด้ อยู่ที่ประมาณ 125 ครั้งต่อนาที แต่เมื่อตอนที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา (Bernardo Silva) ทำประตูได้จนนำทีมไปสูชนะ อัตราการเต้นของหัวใจของเขาพุ่งไปสูงสุดถึง 170 ครั้งต่อนาทีตั้งแต่เริ่มเกมจนจบ โรนัลโด้ ลงสนามด้วยการสวมสายรัดข้อมือรุ่น 4.0 ของ WHOOP ทำให้สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังมีคลิปวีดีโอที่แสดงให้เห็นว่า โรนัลโด้ ร้องไห้เมื่อเห็น มาเรีย โดโลเรส อเวยโร่ (Maria Dolores Aveiro) คุณแม่ของเขาร้องไห้อยู่บนอัฒจันทร์หลังจากที่เขายิงพลาด อย่างไรก็ตาม บางคนสงสัยว่า คลิปนี้อาจจะมีการตัดต่อเอาสองจังหวะที่ไม่ได้เกิดขึ้นกันใหล้กันมาวางต่อกันหรือไม่ พวกเขาไม่เชื่อว่าโรนัลโด้จะมองเห็นสีหน้าของคุณแม่ได้ชัดเช่นนั้น

อีกทั้ง สเปน ยูโร 2024 ก็เป็นประเทศหนึ่งที่โรนัลโด้มีความทะเยอทะยาน

ที่จะเล่นให้ไกลถึงการแข่งขันในรอบสุดท้าย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขับขันระดับสูงในยุโรปนี้ การแข่งขันที่โปรตุเกสและสโลวีเนียต้องพบกับความตึงเครียดไม่ใช่เหตุการณ์ที่ง่ายดาย ทำให้ทุกนัดที่มีการแข่งขันในยูโร 2024 มีความหมายอย่างยิ่ง สำหรับโรนัลโด้ และทีมชาติโปรตุเกส การผ่านเข้ารอบชิงใน สเปน ยูโร 2024 เป็นเป้าหมายที่สำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่

ในที่สุด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo)

ยังคงมีความสามารถในการจัดการกับความกดดันและความรับผิดชอบอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นนักเตะที่ได้รับการยกย่องและเป็นแรงบันดาลใจอย่างสูงในวงการฟุตบอลระดับโลก การที่มีข้อมูลสุขภาพจาก WHOOP มาสนับสนุน ยิ่งทำให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมอารมณ์และสถานการณ์ของเขาได้อย่างเด่นชัด และท่านสามารถติดตามข่าวสารและผลการแข่งขันของ ยูโร 2024 ในการแข่งขันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติของเขา รวมถึงการแข่งขันใน แ ผ่านช่องทางที่เชื่อถือได้ตลอดการแข่งขัน

เยอรมนี-พบ-ทีมชาติเดนมาร์ก

ฟุตบอลยูโร 2024 ผลบอล รอบ 16 ทีม เยอรมนี พบ เดนมาร์ก

ฟุตบอลยูโร 2024 ผลบอล วันที่ 29 มิถุนายน. 2567 รอบ 16 ทีม

ผลบอล วันที่ 29 มิถุนายน. 2567 ระหว่าง ทีมชาติเยอรมนี พบ ทีมชาติเดนมาร์ก

ทีมชาติเยอรมนี

รายชื่อผู้เล่นตัวจริง 11 คน

ผู้รักษาประตู:
มานูเอล นอยเออร์

กองหลัง:
โจชัว คิมมิช
นิโก ชลอตเตอร์เบ็ค
อันโตนิโอ รูดิเกอร์
ดาวิด เราม์

กองกลาง:
โทนี่ โครส
โรเบิร์ต อันดริช
จามาล มูเซียล่า
อิลคาย กุนโดกัน

กองหน้า:
ลีรอย ซาเน่
ไค ฮาแวร์ตซ์

ผลการแข่งขัน ทีมชาติเยอรมนี วันที่ 29 มิถุนายน. 2567

ทีมชาติเยอรมนีเฉือนชนะเดนมาร์ก ลิ่วรอบ 8 ทีมยูโร 2024
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ณ สนามซิกนัล อิดูนา พาร์ค เมืองดอร์ทมุนด์ “อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมนีเจ้าภาพ เอาชนะ “โคนม” ทีมชาติเดนมาร์กไปได้ 2-0
ครึ่งแรกเริ่มต้นด้วยโอกาสของเยอรมนี แต่ประตูของ นิโก ชล็อตเตอร์เบ็ค ถูกยกเลิกเนื่องจาก โยชัว คิมมิช ทำฟาวล์ก่อน การแข่งขันต้องหยุดชั่วคราวในนาทีที่ 35 เนื่องจากฝนตกหนักและฟ้าผ่า ก่อนจะกลับมาเล่นต่อและจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0
ครึ่งหลังเดนมาร์กเกือบได้ประตูขึ้นนำ แต่ VAR ตัดสินว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า ต่อมาในนาทีที่ 53 เยอรมนีได้จุดโทษจากการทำแฮนด์บอลของ โยอาคิม แอนเดอร์เซน และ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ยิงเข้าไปให้ทีมนำ 1-0 จามาล มูเซียลา ซัดประตูที่สองในนาทีที่ 68 ปิดท้ายชัยชนะ 2-0 ของเยอรมนี
ด้วยชัยชนะนี้ ทีมชาติเยอรมนีผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยจะรอพบผู้ชนะระหว่างจอร์เจียกับสเปนในรอบต่อไป และทั้งนี้ ทางเรา เเนะนำเว็บแทงบอลยูโร สามารถมาสนุกสนานกับทางเราได้ตลอด 24 ชม.

ทีมชาติเดนมาร์ก:

รายชื่อผู้เล่นตัวจริง 11 คน

ผู้รักษาประตู:
แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล

กองหลัง:
โจอาคิม แอนเดอร์เซ่น
อันเดรียส คริสเตนเซ่น
ยานนิค เวสเตอร์การ์ด
อเล็กซานเดอร์ บาห์

กองกลาง:
ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก
โธมัส เดลานีย์
โจอาคิม แมเล่
คริสเตียน อีริคเซ่น

กองหน้า:
อันเดรียส สคอฟ โอลเซ่น
ราสมุส ฮอยลุนด์

ผลการแข่งขัน ทีมชาติเดนมาร์ก วันที่ 29 มิถุนายน. 2567

ผลการแข่งขันฟุตบอล: เดนมาร์ก พ่าย เยอรมนี 0-2 (29 มิถุนายน 2567)
ไฮไลท์การแข่งขัน:

นาทีที่ 3: เยอรมนีทำประตูได้จากลูกเตะมุม แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากมีจังหวะฟาวล์
นาทีที่ 37: ไค ฮาแวร์ตซ์ ของเยอรมนีโหม่งเข้าประตู แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ปัดออกได้
นาทีที่ 50: เดนมาร์กยิงประตูได้ แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากล้ำหน้า
นาทีที่ 53: เยอรมนีได้จุดโทษ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ยิงเข้าประตู ทำให้เยอรมนีนำ 1-0
นาทีที่ 68: จามาล มูเซียล่า ยิงประตูที่สอง เยอรมนีนำ 2-0

ผลการแข่งขัน: เดนมาร์ก พ่าย เยอรมนี 0-2 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย
การแข่งขันรอบต่อไป: เยอรมนีจะพบกับผู้ชนะระหว่าง สเปน กับ จอร์เจีย ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 หากท่านต้องการร่วมสนุก ทางเรา แนะนำเว็บแทงบอลยูโร เว็บที่ดีที่สุด

ผลการแข่งขันฟุตบอลโกปา อเมริกา 2024 สหรัฐฯ พลาดท่าพ่ายปานามาในเกมดุเดือด

ผลการแข่งขันฟุตบอลโกปา อเมริกา 2024 (copa america 2024) : สหรัฐฯ พลาดท่าพ่ายปานามาในเกมดุเดือด

ในการแข่งขันฟุตบอลรายการโกปา อเมริกา 2024 กลุ่ม ซี เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าภาพสหรัฐอเมริกาต้องพบกับความผิดหวังหลังพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติปานามาด้วยสกอร์ 2-1 ในเกมที่เต็มไปด้วยความดุเดือดและพลิกผันตลอดทั้ง 90 นาที

เกมนี้เริ่มต้นด้วยความตึงเครียดตั้งแต่ช่วงต้นเกม เมื่อ ทิโมธี่ เวอาห์ (Timothy Tarpeh Weah) กองกลางของสหรัฐฯ ถูกใบแดงไล่ออกในนาทีที่ 18 จากจังหวะเข้าปะทะอันตราย ทำให้ทีมเจ้าบ้านต้องเล่นเหลือ 10 คนตั้งแต่ช่วงต้นเกม อย่างไรก็ตาม แม้จะเสียเปรียบเรื่องจำนวนผู้เล่น สหรัฐฯ กลับเป็นฝ่ายออกนำก่อนในนาทีที่ 22 จากประตูสุดสวยของ โฟลาริน บาโลกุน (Folarin Balogun) ที่ปั่นโค้งเข้าประตูอย่างเหนือชั้น

แต่ความนำของทีมเจ้าภาพอยู่ได้ไม่นาน เมื่อปานามาตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 26 ผ่านการยิงของ เซซาร์ แบล็คแมน (César Blackman) ที่ฉกฉวยโอกาสจากลูกบอลที่กระดอนมาหน้าประตูได้อย่างเฉียบขาด ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-1

ครึ่งหลังเป็นการแข่งขันที่สูสีและเข้มข้น ทั้งสองทีมผลัดกันสร้างโอกาสทำประตู แต่ยังไม่มีฝ่ายใดสามารถพังประตูเพิ่มได้ จนกระทั่งนาทีที่ 83 โฮเซ่ ฟายาร์โด้ (José Fajardo) กองหน้าตัวสำรองของปานามา อาศัยจังหวะสับสนในแนวรับของสหรัฐฯ ซัดประตูชัยให้ทีมเยือนขึ้นนำ 2-1

ช่วงท้ายเกม ความตึงเครียดยิ่งทวีคูณ เมื่อ อดัลเบร์โต้ การ์ราสกีย่า (Adalberto Carrasquilla) ของปานามา ถูกใบแดงไล่ออกในนาทีที่ 88 ทำให้ทั้งสองทีมต้องเล่นด้วยผู้เล่น 10 คนเท่ากันในช่วงเวลาที่เหลือ แต่ปานามาก็สามารถรักษาความได้เปรียบไว้ได้จนจบเกม คว้าชัยชนะไปด้วยสกอร์ 2-1

ผลการแข่งขันนี้ส่งผลให้สถานการณ์ในกลุ่ม ซี มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยทั้งสหรัฐอเมริกาและปานามามีคะแนนเท่ากันที่ 6 แต้ม ทำให้การแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลุ้นเข้ารอบต่อไปและหากต้องการติดตามรายการ โคปา อเมริกา 2024 และ ยูโร 2024 ตารางคะแนน สามารถติดตามทางเว็บไซต์นี้ได้เลย

สำหรับทีมสหรัฐอเมริกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นการปลุกให้ตื่นจากความประมาท และต้องกลับไปทบทวนแท็คติคและรูปแบบการเล่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมสำคัญที่จะมาถึง ในขณะที่ปานามาได้รับกำลังใจอย่างมากจากชัยชนะนี้ และจะเข้าสู่เกมสุดท้ายด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

การแข่งขันครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนและความตื่นเต้นของฟุตบอลในทวีปอเมริกา โดยแม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพและมีทีมที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถประมาทคู่แข่งได้เลย ทุกทีมในทวีปนี้มีศักยภาพที่จะสร้างผลงานน่าประทับใจได้เสมอ

แฟนบอลทั่วทั้งทวีปอเมริกาต่างรอคอยที่จะได้เห็นการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าทีมใดจะได้ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ต่อไป โดยทั้งสหรัฐอเมริกาและปานามาต่างต้องทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อรักษาโอกาสในการเข้ารอบของตนเองไว้

วันนี้ทางเรา จึงสรุปผลการแข่งขันฟุตบอลโกปา อเมริกา 2024 คู่ สหรัฐอเมริกา พบ ปานามา มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากใครไม่อยากพลาดผลการแข่งขันฟุตบอลโกปาอเมริกา 2024 และ ยูโร 2024 ตารางคะแนน สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้เลยครับ

เกมนอกสายตาที่แฟนบอลอย่าพลาดไป

เกมยูโรป้าลีค เป็นอีกหนึ่งเวทีที่เราได้จะได้เห็นหลายทีมที่อาจจะไม่ใช่ทีมใหญ่ แต่มีผลงานดีมาก แม้ว่าจะไม่ดีถึงขั้นขึ้นไปถึงเวที UCL ได้ แต่ก็น่าติดตามด้วยเหมือนกัน นอกจากเกมที่เรารู้จักพรีเมียร์ลีค มีอีกหลายทีมที่มาเจอกันน่าสนใจมาก แบบที่ไม่อยากให้แฟนบอลมองข้ามไป

เรนเจอร์ กับ เบนฟิก้า

เกมแรกที่บอกเลยว่าในฐานะแฟนบอลไม่ควรพลาดเลย เกมนี้มีผลน่าสนใจมากทั้งในสนามและการแข่งขันในกลุ่ม การเจอกันของเรนเจอร์ และ เบนฟิก้า ตอนนี้ทั้งคู่มีคะแนนเท่ากัน 7 คะแนน เกมนี้ค่อนข้างตัดสินเลยว่าใครจะได้เข้ารอบแบบแชมป์กลุ่ม หรือไม่ อีกด้านคู่นี้เป็นการเจอกันของตัวเต็งในรายการนี้ด้วย

อาร์แซค อัคมาร์ กับ รีล โซเซียดัด

คู่ต่อไปเราจะพาไปดูกลุ่มเอฟ กลุ่มนี้กำลังขับเคี่ยวกันหนักมาก มีทีมในกลุ่มคือ อาร์แซค อัคมาร์ , นาโปลี, รีล โซเซียดัด และ ไรจิก้า สามทีมแรกตอนนี้มีคะแนนเท่ากัน 6 คะแนน เกมนี้จึงต้องใส่กันเต็มที่เพื่อเอาชนะเก็บ 3 แต้มให้ได้จะได้มีแต้มฉีกออกไป เพราะว่านาโปลีน่าจะชนะบ๊วยกลุ่มแน่นอน ถ้าออกเสมอนี่บอกเลยว่างานหยาบทั้งคู่

สปาร์ต้า ปาร์ค กับ เซลติก

ม้าลายเขียวขาวอย่าง เซลติก ไม่น่าเชื่อว่ายอดทีมจากแดนวิสกี้ จะอยู่ในสภาพแบบนี้การอยู่บ๊วยของกลุ่ม H เป็นเรื่องที่พอทำใจได้ กลุ่มนี้โหดจริง ลีลล์, เอซี มิลาน, สปาร์ต้า ปาร์ค แข็งๆทั้งนั้น แต่หากพวกเค้าคิดจะไว้ลายทำอะไรให้เห็นบ้าง เกมนี้เจอกับ สปาร์ต้า ปาร์ค ต้องเอาชนะให้ได้ อย่างน้อยการมี 4 แต้ม มันก็ไม่ได้แย่นัก

ลีลล์ กับ เอซี มิลาน

กลุ่ม เอช เป็นกลุ่มแห่งความตายอีกกลุ่มหนึ่งเช่นกัน เกมนี้เป็นการมาเจอกันของหัวตาราง ลีลล์ กับ เอซี มิลาน เจอกัน เกมนี้จะวัดกันไปเลยว่า ใครจะเข้ารอบต่อไปในฐานะแชมป์กลุ่ม เอซี มิลาน เกมที่แล้วแพ้ไป เกมนี้คงต้องหวังแก้ตัวกันหน่อย ไม่แน่ เกมนี้พระเจ้าสลาตัน อาจจะสำแดงฤทธิ์เดชก็ได้ แฟนบอลต้องตามผลให้ดี

ไม่ได้นักเตะ ข้ออ้างที่ไม่ควรอ้าง(บ่อย)

 

อาชีพผู้จัดการทีมฟุตบอล ถือว่าเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงว่าจะตกงานมากที่สุดอาชีพหนึ่งของโลกได้เลย หากทำให้ทีมแพ้ติดต่อกันสัก 3-5 เกม โอกาสที่พวกเค้าจะตกงานก็มีสูง หนึ่งในเงื่อนไขที่จะทำให้งานของผู้จัดการทีมนั้นยากมากก็คือ การเสริมทีมเสริมทัพ ที่บางครั้ง มันได้ตามหวังบ้าง ไม่ได้ตามหวังบ้าง ในกรณีที่ไม่ได้ตามหวัง ผู้จัดการทีมหลายคนมักจะเอามาอ้างเป็นเหตุผลที่ทำทีมไม่ไปถึงเป้าหมาย แต่เราจะบอกว่ามันไม่ควรจะยกเหตุผลนี้มาอ้าง (บ่อย)

ผู้จัดการทีมต้องมีแผนสำรอง

การทำงานของผู้จัดการทีมยุคนี้ การแข่งขันมันสูงมาก จึงไม่แปลกที่จะมีการแย่งซื้อตัวนักเตะกัน แถมทีมใหญ่ก็ไม่ได้กุมอำนาจและโอกาสในการซื้อคนเดียวอีกแล้ว นั่นทำให้เป็นเรื่องธรรมดามาก ที่แม้จะมีเงินแต่ก็ไม่สามารถซื้อนักเตะตามต้องการได้ อย่างไรก็ตามการไม่ได้ตัว ผู้จัดการทีมเองก็ต้องแสดงความสามารถในการหาแผนสำรองมาใช้งานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพุ่งเป้าไปหาเป้าหมายรองลงไป หรือ การปรับแผนการเล่นใหม่เพื่อหาทางออกให้กับทีม อย่าลืมว่านี้มันเป็นงานของผู้จัดการทีมนะ

บ่งบอกการทำงานของบอร์ด

เรามักจะเห็นหลายครั้งว่า ผู้จัดการทีม มักจะออกมาโวยวายว่า ทีมไม่สนับสนุน ทีมไม่ซื้อนักเตะให้ แล้วจบลงอย่างไร จบลงด้วยการทีมผู้จัดการทีมต้องโดนเด้งออกจากทีมไปใช่ไหม อย่าลืมว่าการออกมาตะโกนเรื่องเหล่านั้น เท่ากับว่าเป็นการโยนความผิดทั้งหมดให้กับบอร์ดบริหารไป ซึ่งบอร์ดเองก็ทนไม่ได้ที่จะต้องมาเจอแรงกดดัน และความผิดอย่างนี้ เพราะนั่นเท่ากับจะเป็นการสะท้อนความบกพร่องของบอร์ดจนอาจจะส่งผลต่อผู้ถือหุ้น และ เจ้าของสโมสรได้ กลายเป็นผู้จัดการทีมต้องมาตกงานไปแทน

สรุปว่าการสนับสนุนของบอร์ดถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากของผู้จัดการทีม เพื่อให้ทีมเพิ่มประสิทธิภาพได้ถูกจุด แต่ว่าหากไม่ได้คนที่ต้องการจริง ผู้จัดการทีมเองก็ถึงเวลาแสดงกึ๋นให้เห็นด้วยว่าสร้างทีมใหม่ได้ อย่าลืมว่านี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่เกม FM manager ที่เสกเงิน เสกนักเตะได้เองตามต้องการ

วิเคราะห์ประเด็น ทำไม แลมพ์ กระเด็น

วิเคราะห์ประเด็น ทำไม แลมพ์ กระเด็น

ถือว่าเป็นประเด็นข่าวที่สร้างความฮือฮามากที่สุดในรอบสัปดาห์ รองจากผลการแข่งขันเอฟเอคัพที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป นั่นก็คือ เชลซีได้ทำการแยกทาง แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือของทีม แบบที่ไม่มีกระแสข่าวออกมาก่อนเลย สื่อเองก็รู้ก่อนข่าวแถลงการณ์จากสโมสรออกไม่นานเท่าไร อย่างไรก็ตามเรามาวิเคราะห์กันว่า ทำไม แลมพาร์ด ถึงตกเก้าอี้กุนซือได้

ผลงานไม่ดีพอ

สิ่งที่เป็นตัวตัดสินการตัดสินใจครั้งนี้ของบอร์ดบริหาร ก็เพราะว่าผลงานของเค้าไม่ดีพอ ซึ่งว่ากันตามตรงผลงานก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น มองจากตรงนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด พาทีมจบที่ 2 ของถ้วยเอฟเอคัพ และได้ที่ 4 ไปลุย UCL ในซีซั่นนี้ได้ ไม่เท่านั้น ยังพาทีมเป็นแชมป์กลุ่มรอบแบ่งกลุ่มด้วย แต่ว่าตัดภาพมาล่าสุด เกมชนะ ฟูแล่ม 1-0 แต่ก่อนหน้านั้น 6 เกม ชนะ 1 เกม เสมอ 1 เกม แพ้ไปถึง 4 เกม (แถมยังแพ้ อาร์เซนอล ศึกแห่งศักดิ์ศรีอีก) จากเป็นจ่าฝูงตารางลีค ตอนนี้หล่นมาที่ 9 แล้วก็เลยไม่แปลกที่บอร์ดต้องตัดสินใจ

สตาร์ดังไม่เกิด

ก่อนหน้าซีซั่นจะเริ่ม เชลซี ได้ทุ่มซื้อนักเตะตามใจแลมพ์มาเพียบเลย การลงทุนกว่า 200 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่น้อยเลยในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ ปรากฏว่า นักเตะตัวความหวังอย่าง ไค ฮาร์แวตช์ , ติโม แวร์เนอร์ , ฮาคิม ซีเย็ค ไม่ได้แสดงผลงานได้ตามต้องการเท่าไร สตาร์ดังไม่เกิดอย่างนี้ บอร์ดเองก็เลยมองว่า แลมพ์ ไม่มีความสามารถในการดึงความสามารถนักเตะเหล่านั้นออกมา

เปลี่ยนก่อนไม่ทันการ

ผลพวงของฟอร์มที่ตกลงในช่วงนี้ แบบเถียงไม่ออก ทำให้บอร์ดยอมไม่ได้ ต้องรีบเปลี่ยนก่อนไม่ทันการ แม้ว่าตอนนี้อยู่อันดับ 9 แต้มห่างพื้นที่ UCL 6 แต้ม แม้จะมองว่าไม่มาก แต่ในสถานการณ์แบบนี้ 6 แต้ม ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย ไหนจะเกมที่ต้องเจอกับ แอต.

มาดริด ใน UCL อีก งานนี้ไม่ง่ายเลย จึงต้องเปลี่ยนก่อนถึงสถานการณ์ตรงนั้น นี่คือสาเหตุหลักที่ แลมพ์ กระเด็นออกไปจากตำแหน่ง

เก็บตกประเด็นหลังเกมแดงเดือด

เก็บตกประเด็นหลังเกมแดงเดือด

จบลงไปแบบสมานฉันท์ทั้งสองฝ่าย ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมแดงเดือดครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการไม่มีประตูในเกมนี้เป็นเพียงแค่อย่างเดียวที่ทำให้แดงเดือดรอบนี้ไม่เดือดสมชื่อเลย เรามาเก็บตกประเด็นหลังเกมนี้กันบ้างมีอะไรน่าสนใจ

ดีกันคนละครึ่ง

หากมองในเรื่องของฟอร์ม ต้องยอมรับว่าถ้านับเป็นคะแนนเหมือนมวยสากลสมัคร ก็ต้องชูมือให้กันคนละครึ่ง ครึ่งแรกเป็นของฝั่งลิเวอร์พูลเจ้าบ้านได้เปรียบทำออกมาดีกว่าเยอะ ยิ่งช่วงต้นเกม เหมือนทางลิเวอร์พูลทำการบ้านมาดีว่าจะต้องเข้าบดบี้ก่อนที่แมนยูจะตั้งเกมได้ หวังได้ประตูนำก่อนเพื่อกุมความได้เปรียบ แต่ว่าก็ทำไม่สำเร็จ ส่วนครึ่งหลังเป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กลับมาตั้งลำได้ดี และอาศัยความได้เปรียบเรื่องความฟิต และความเก๋าที่ทำได้ดีกว่า น่าเสียดายที่แม้จะดีกันคนละครึ่งแต่ก็ไม่สามารถทำได้ถึงประตู

แดนกลางบดบี้กันสนุก

เกมนี้เป็นไปตามที่หลายสื่อวิเคราะห์กันไว้ เป็นการต่อสู้กันในแดนกลางอย่างแท้จริง ทั้งสองฝั่งต่างหวังจะคุมแดนกลางได้ เพื่อจะเอาบอลมาให้ได้ แล้วจ่ายแทงบอลไปแดนหน้าให้ 3 ตัวรุกขึ้นทำเกม นั่นทำให้ทั้งเกมเป็นการชิงจังหวะของแผงกองกลางทั้งสองฝ่าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็มีจังหวะสวนหมัดกันไปคนละตุ๊บสองตุ๊บเหมือนกัน ถือว่าเป็นเกมที่น่าอึดอัดมาก

ต่อสู้กันด้วยแท็คติคล้วนๆ

เกมแดงเดือดในยุคหลัง ต้องบอกว่าเป็นเกมแดงเดือดที่เดือดแบบที่ไม่ใช่เราคุ้นเคย เกมนี้เป็นแดงเดือดที่วัดกันด้วยแท็คติคของโค้ชสองฝ่ายล้วนๆ โซลชา และ คล็อปป์ ก็รู้ดี เกมนี้สำคัญแค่ไหนและต้องทำอย่างไรถึงจะเอาตัวรอดมาได้ แม้จะทำให้รูปเกมดูอึดอัดไปบ้าง แต่ก็ยอมรับว่าเป็นแดงเดือดที่แท็คติคเดือดมากทั้งคู่ มีการแก้เกมกันไปมาทั้งการส่งผู้เล่นลงสนาม และการเปลี่ยนฟอร์เมชั่นระหว่างเกม สรุปถือว่าเป็นแดงเดือดที่ลุ้นจนแฟนบอลทั้งสองฝ่ายเกร็งมากที่สุดครั้งหนึ่ง

เห็นอะไรในทีมชาติอังกฤษบ้าง จากเกมเปิดหัวคัดบอลโลก

เห็นอะไรในทีมชาติอังกฤษบ้าง จากเกมเปิดหัวคัดบอลโลก

ต้องบอกว่าเป็นการเปิดหัวคัดบอลโลกที่ถือว่าสวยงามทีเดียว ทีมชาติอังกฤษ เจอกับ ซานมาริโน่ แน่นอนว่าคงไม่มีใครคิดว่า ซานมาริโน่ จะบุกมาชนะได้ หรือ อย่างน้อยก็เสมอก็คงจะยาก แต่การชนะถึง 5-0 ก็มีประเด็นน่าสนใจหลังเกมให้พูดกับเยอะทีเดียว

เล่นกันได้ แต่ยังไม่เข้ากัน

การเรียกตัวมาติดทีมชาติอังกฤษครั้งนี้ของ เซาท์เกธ กุนซือทีมชาติอังกฤษ ต้องยอมรับว่า เค้าเลือกนักเตะมาติดจากผลงานเลยก็ว่าได้ นักเตะที่เรียกมาติดเกือบทุกคนแทบจะไม่มีข้อกังขาในเรื่องของฟอร์มการเล่นเลย นับเฉพาะตอนปัจจุบันทุกคนอยู่ในฟอร์มดีกันทั้งนั้น แต่การเรียกนักเตะมาคราวนี้ยอมรับเลยว่าเกมแรกพวกเค้ายังเล่นไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร หลายจังหวะมันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ทั้งช็อตหน้าประตูพลาดของ โดมินิค คัลเวิร์ตเลวิน เป็นต้น การเล่นให้เข้ากันกว่านี้ทีมชาติอังกฤษอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก

ซ้อมการเจาะเกมรับ

หากไม่นับ โปแลนด์ ที่ดูน่าจะเป็นคู่แข่งที่แข็งสุดในกลุ่ม ทีมอื่นดูจะด้อยกว่าอังกฤษอยู่ประมาณสามช่วงตัวทีเดียว (เอาจากนักเตะชุดนี้ด้วยนะ) นั่นทำให้เกือบทุกเกมต่อจากนี้ อังกฤษจะเจอการตั้งรับแบบรับลึก เพื่อรอจังหวะสวนกลับ ปัญหาก็คือ อังกฤษจะมีวิธีการเจาะเกมรับที่หนาแน่นแบบนี้อย่างไร เกมนี้เราพอเห็นภาพเลย จะมีการเล่นสองสามอย่าง หนึ่งการเล่นลูกกลางอากาศของ คัลเวิร์ต เลวิน โดยมี วอร์ดส พราวส์เป็นคนชงให้ สองเป็นการเล่นแบบลากเลี้ยง เน้นเร็ว วูบวาบ เพื่อทำให้กองหลังถอยไม่ทันอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หรือ ฟิล โฟเด้น ในครึ่งหลัง สามการเล่นลูกนิ่งที่น่าจะมีการซ้อมมาเป็นอย่างดีด้วย บวกกับเท้าชั่งทองของ วอร์ดส พราวส์ ซึ่งจากเกมนี้น่าจะทำให้เห็นว่ามาตั้งรับลึก อังกฤษ เจาะได้

นักเตะใหม่โชว์ฟอร์มดี

แม้ว่าการเจอกับ ซานมาริโน่ อาจจะไม่ได้ทำให้อังกฤษ เหนื่อยเท่าไร แต่ว่านักเตะใหม่หลายคน รวมถึงคนที่หวนกลับมาติดทีมชาติ เล่นด้วยความกระหายมาก แบบจะให้เซาท์เกธติดใจเลย ทั้ง วอร์ด พราวส์ และ วัตกินส์ ที่เกมนี้ยิงประตูแรกให้กับตัวเองได้ในนามทีมชาติทั้งคู่ ลินการ์ด ที่วูบวาบตีคู่มากับ สเตอร์ลิ่ง และคนอื่นๆ บอกเลยว่างานนี้ใครที่ยังไม่ติดทีมต้องเร่งฟอร์มเลย ไม่งั้นโอกาสติดทีมชาติมันจะน้อยลงไปอีก