เอาอกเอาใจคอบอล sbo อีกแล้ว กับโปรโมชั่นจุใจนักเดิมพัน

ถือว่ามีนัยยะอยู่พอสมควรทีเดียว กับการที่สตีเว่น เจอร์ราด นักเตะระดับขึ้นหิ้งของลิเวอร์พูล ที่ติดแคปชั่นว่าจะย้ายออกจากทีมแอลเอ แกแล็คซี ยอดทีมในลีคกของสหรัฐกันแล้ว หากไม่จริงก็ไม่เป็นไร แต่หากเค้าย้ายกลับมาจริงๆ สถานีลูกหนังต่อไปของเค้าน่าจะเป็นที่ใดบ้าง วันนี้เรามาเดาใจกัปตันคนนี้ดูกัน

กลับมาเล่นให้กับลิเวอร์พูล

เชื่อว่าชื่อแรกที่ทุกคนคิด และมีไอเดียผุดขึ้นมาว่าเหมาะกับชายคนนี้เท่านั้นก็คือ ลิเวอร์พูล เดอะค็อปหลายคนก็เชียร์ให้เค้ากลับมาเล่นในแอนฟิลด์อีกครั้ง ส่วนตัวก็มองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะได้เห็นเค้าภายใต้การคุมทีมของ เจเก้น คล็อปป์ เหนือสิ่งอื่นใด เดอะค็อปคงอยากเห็นกัปตันคนนี้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีคสักครั้ง ยิ่งปีนี้พวกเค้าฟอร์มดีด้วยหากรักษามาตรฐานไปเรื่อยมีสิทธิ์ถึงแชมป์ได้เลย ส่วนโอกาสที่เค้าจะกลับมานี่ให้สัก 40% แล้วกัน

กลับอังกฤษ ในฐานะนักเตะสโมสรอื่น

หากลิเวอร์พลูไม่เปิดโอกาสรับกัปตันของพวกเค้ากลับมาเหมือนคราวของ โอเว่น แน่นอนว่า กัปตันเจิดก็ต้องไปหาสถานีลูกหนังอื่นตามวิถีของนักฟุตบอล แต่บอกตามตรงว่านึกภาพที่เค้าลงเตะในแอนฟิลด์ภายใต้สีเสื้อของสโมสรอื่นๆไม่ออกเลยถึงแม้ว่าจะมีข่าวว่า ทางนิวคาสเซิลกับนายเก่าคนคุ้นเคยอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ อยากได้มาร่วมทีมก็ตามที

ก้าวขึ้นไปเป็นผู้จัดการทีม

สถานีต่อไปที่ กัปตันเจิดจะสามารถเดินต่อไปบนเส้นทางสายฟุตบอลได้ก็คือ การขึ้นชั้นไปเป็นผู้จัดการทีม โดยอาจจะเริ่มต้นที่การคุมทีมอะคาเดมี่ก่อนก็เป็นได้ ตรงนี้ถือว่าน่าลุ้นทีเดียว หรือหากมาเริ่มสร้างอะคาเดมี่ที่ลิเวอร์พลูน่าจะเป็นอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังได้ดีทีเดียว

ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ต้องใช้คำว่า ลงล็อคพอดี นั่นก็คือการจัดแมตซ์อุ่นเครื่อง หรือ แมตซ์กระชับมิตรระหว่างทีมฟุตบอลสโมสรของไทยลีคบ้านเราที่ส่วนใหญ่จะมีโอกาสได้เปิดบ้านต้อนรับอาคันตุกะจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่างเหล่านักเตะเจลีคที่จะได้มาลับแข้งกัน ตรงนี้ถือว่าเป็นโชคดีและถือว่าวิน วิน ด้วยกันทั้งสองฝ่ายนั่นก็คือ

ญี่ปุ่นหาที่ซ้อมหนีหนาว

อย่างแรกที่เหล่าทีมจากเจลีค ได้ยกพลมาบุกเมืองไทยก็เป็นเพราะว่าตอนนี้ที่บ้านเค้าประเทศญี่ปุ่นนั้น ต้องบอกว่าหนาวถึงหนาวมากเลยทีเดียว การลงซ้อมอาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ และเจ็บป่วยได้ การได้ยกพลมาซ้อมอุ่นเครื่องในประเทศที่อบอุ่นกว่าอย่างบ้านเราถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่นอกจากจะพักผ่อนแล้วยังได้มีอากาสฝึกซ้อมไปด้วยในตัว

ไทยได้ลับแข้งจากทีมชั้นยอด

แน่นอนว่าหลายทีมไทยลีคตอนนี้ไม่พลาดโอกาสทองครั้งนี้แน่นอน แต่ละทีมต่างหาโอกาสอุ่นเครื่องกับทีมสโมสรจากเจลีคด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแมตซ์อย่างเป็นทางการ หรือไม่เป็นทางการก็ตาม อย่างล่าสุดที่เพิ่งจบไป ก็คือเหล่ากระต่ายแก้ว บีจี ได้เปิดบ้านลีโอสเตเดียมเตะกับ เซเรโซ จากญี่ปุ่น ผลก็คือเสมอกันไป 0-0 ถึงจะออกมาเจ๊าแต่ต้องบอกว่าในเกมสนุกมาก

วัดระดับความพร้อมทั้งสองฝ่าย

ถือว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ต้องใช้คำว่า วิน วิน ด้วยกันทั้งสองฝ่ายเลย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทีมไทยที่จะได้ถือโอกาสลับแข้งกับทีมที่เก่งกว่าเพื่อวัดระดับความสามารถของตัวเองว่ามีอยู่แค่ไหนในเวทีระดับทวีป และสองยังเป็นการเตรียมความพร้อมด้านแท็คติคก่อนจะเปิดลีคอีกด้วย ส่วนทางญี่ปุ่นเองก็จะได้มีทีมซ้อมด้วย จะได้ไม่มาเสียเที่ยวเปล่า เผลอๆยังสามารถเปิดตลาดฐานแฟนบอลบ้านเราได้อีก ในอนาคตถ้าทางสมาคมประสานกันมาดีๆ ไม่แน่ช่วงนี้ของปีนี้เราอาจเห็นทัวร์นาเมนต์ประกบคู่แบบสุดมันส์อย่างนี้อีกก็เป็นได้

ลิเวอร์พูลต้องยอมรับอย่างหนึ่งเลยว่า ช่วงหลังๆมานี้พวกเค้ามีนักเตะที่โดดเด่นเกิดขึ้นมาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นานโด ตอร์เรส , หลุยส์ ซัวเรซ และก็มาถึงคนปัจจุบันอย่าง คูตินโญ่ แต่สิ่งที่คูตินโญ่ แตกต่างจากสองคนแรกก็คือ การแสดงเจตนาไม่ย้ายทีมไปไหน จนสุดท้ายลิเวอร์พูลก็ได้ต่อสัญญากับเค้าอย่างสมใจนึก

การรั้งนักเตะคนสำคัญของทีม

ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญของลิเวอร์พูลมาตลอดนั่นก็คือ การรั้งนักเตะคนสำคัญของทีมไว้ไม่ได้ อย่างกรณี ของตอร์เรส และ ซัวเรส ที่ต้องเสียไป เพราะนักเตะอยากจะไปเล่นกับทีมอื่นที่ใหญ่กว่า ถึงแม้ว่าจะได้รับค่าตัวก้อนมหาศาลมาแต่ก็หาตัวแทนได้ยากเสมอ แต่กรณีของคูตินโญ่ไม่ใช่ เพราะเค้าเพิ่งขยายสัญญาไปจนถึงปี 2022 ถือว่าเป็นการรั้งนักเตะคนสำคัญของทีมไว้ได้เลยทีเดียวนะ เคสนี้

คูตี้อยู่คนอื่นก็อยู่ต่อด้วย

การขยายสัญญาของคูตี้ในครั้งนี้ แน่นอนว่าไม่ได้มีผลแค่เค้าเท่านั้น ยังมีผลต่อเพื่อนร่วมทีมคนอื่นด้วย เพราะหากคูตี้ไม่อยู่จริงคนที่เหลือบอกเลยว่า เตรียมกลับข้าวของเหมือนกัน เพราะคูตี้ในตอนนี้ถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางของทีมลิเวอร์พูลไปแล้ว บอกตรงๆว่านึกสภาพทีมไม่ออกเลยเวลาไม่มีคูตี้ จะเล่นกันยังไงเพราะแค่ขาดเค้าไป 2-3 เกม นี่ลิเวอร์ ยวบไปเยอะ

การทำทีมที่ต่อเนื่องไม่สะดุด

การขยายสัญญาของเค้า อีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลดีก็คือการทำทีมของคล็อปป์จะได้ไม่สะดุด ต่อเนื่องกันไป อย่างตลาดซัมเมอร์ที่กำลังจะมาถึง คล็อปป์และทีมงานจะได้มองหานักเตะมาเสริมทีมให้ดีขึ้น ไม่ต้องมามองหานักเตะเพื่อทดแทนสตาร์ที่ย้ายไปอีกแล้วน่าดีใจกับคล็อปป์จริงๆ ที่ไม่ต้องมานั่งวิตกว่าจะเสียสตาร์ไปทุกปีเหมือนเก่า

ย้อนกลับไปไม่นานนักเชื่อว่า นักเตะคนหนึ่งที่ทำให้เกิดกระแสข่าวได้อย่างมากในตอนนั้นก็คือ มาร์ติน โอเดการ์ด อีกหนึ่งเด็กเทพที่ต้องบอกว่าโชว์ฟอร์มได้สุดยอดมาก จนทำให้เค้าได้ย้ายมาเล่นให้กับรีล มาดริด อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด แต่พอเค้ามาอยู่จริงๆ ชีวิตในทีมของเค้าดูจะไม่ค่อยรุ่งเท่าไร จนตอนนี้เค้าได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งแล้ว

มาร์ติน โอเดการ์ด ไปมาดริดดีหรือยัง

สำหรับเด็กเทพคนนี้ หากถามว่าไปมาดริดดีแล้วหรือยัง อันนี้ก็ตอบได้เลยว่ายัง เพราะว่าตั้งแต่เค้าไปมาดริดแล้ว ชื่อของเค้าก็หายไปจากหน้าสื่อพอสมควรเลย ไม่ว่าจะเป็นยุคของ ราฟา หรือ ซีดาน ก็ไม่เคยเห็นเค้าลงสักที จนบางทีก็แอบคิดว่าด้วยความเทพระดับนี้หากย้ายไปกับทีมที่ไม่ใหญ่มากแล้วได้ลงตลอดสม่ำเสมอจะเป็นการพัฒนาฝีเท้ามากกว่าหรือเปล่า

มาร์ติน โอเดการ์ด กับโอกาสที่ฮีเรนวีน

ในเมื่อไม่ค่อยได้ลงเท่าไร ทำให้มาร์ติน โอเคการ์ด ได้ย้ายออกไปเก็บประสบการณ์อีกครั้งคราวนี้ นักเตะวัย 18 ปีจะได้เดินทางไปเล่นให้กับ ฮีเรนวีน ในรูปแบบยืมตัวก็ถือว่าสมเหตุสมผลดี เนื่องจากว่าที่นั่นมีการแข่งขันที่เข้มข้นแต่ไม่สูงมากนัก น่าจะทำให้เค้ามีโอกาสได้ลงสนามมากขึ้นและพัฒนาตัวเองต่อไป

แนวโน้มอนาคตของเค้ากับมาดริด

หากเราพิจารณาของอายุเค้าตอนนี้ 18 ปีก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วสำหรับการพัฒนาตัวเองด้วยการหาทีมที่ส่งเค้าลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากการได้ลงเล่นในระดับสูงบ่อยจะช่วยพัฒนาตัวเองได้มากที่สุด ส่วนแนวโน้มของเค้ากับมาดริดก็ยังไม่ถือว่าปิดประตูตายซะทีเดียว หากได้เล่นที่ฮีเรนวีนบ่อยรับรองว่า พอกลับมาอาจจะได้เล่นชุดใหญ่ก็เป็นได้

แมนยู

หากพูดถึงผลงานของทีมแมนเชสเตอร์ยูในเต็ดภายใต้การคุมทีมของกุนซือ หลุยส์ ฟาล ฮาลในช่วงระยะหลังที่ผ่านมานั้น ต้องบอกว่า แม้ในตอนนี้แมนยูจะสามารถเก็บคะแนนได้ต่อเนื่องและสามารถรั้งตำแหน่งอยู่ในโซนท็อปโฟร์ได้ก็ตาม แต่จากผลงานโดยรวมที่ผ่านมานั้น ก็ต้องบอกว่าแมนยูยังทำกันได้ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะฟอร์มการเล่นที่เห็นได้ชัดว่า ทรงบอลของแมนยูนั้นยังแทบไม่มีอะไรดีขึ้นมาเท่าไหร่นัก เลยทำให้คิดว่าหากหลุยส์ ฟาล ฮาลยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ พวกเขาอาจจะหลุดท็อปโฟร์ไปอีกครั้งก็เป็นได้

ดังนั้นเลยคิดว่า บางทีหลุยส์ ฟาล ฮาลนั้นควรจะต้องปรับเปลี่ยนเรื่องจัดทีมและแผนการเล่นใหม่บ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดตัว เพราะเห็นได้ชัดว่าหลายนัดเขาจัดตัวลงสนามไม่ค่อยตรงจุดเท่าไหร่ จึงไม่แปลกว่าทำไมทรงบอลและฟอร์มการเล่นของแมนยู เลยออกมาแบบไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าที่ควร ซึ่งคิดว่าหลุยส์ ฟาล ฮาลนั้นควรเริ่มไล่จัดตำแหน่งใหม่ตั้งแต่กลางเลย โดยควรเริ่มจากเปลี่ยนจากรูนี่ย์ที่เล่นในตำแหน่งกลาง แล้วลองให้มาต้าเล่นแทนแล้วก็ดันรูนี่ย์เป็นกองหน้า เผื่อบางทีแมนยูอาจจะทำผลงานได้ดีขึ้นก็เป็นได้

สำหรับเหตุผลที่อยากให้หลุยส์ ฟาล ฮาลลองเปลี่ยนตำแหน่งของรูนี่ย์นั้น นั่นก็เพราะว่าหลังจากที่ได้ติดตามดูผลงานของแมนยูจากหลายๆนัดที่ผ่านมานั้น เห็นได้ชัดเลยว่ารูนี่ย์ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในตำแหน่งตัวปั้นเกมได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งคิดว่าตำแหน่งนี้ควรมอบให้กับฆวน มาต้าที่มีความเป็นเพลย์เมกเกอร์มากกว่ารูนี่ย์ปั้นเกมแทน แล้วก็ดันรูนี่ย์ขึ้นเป็นตำแหน่งหน้าเป้าแทนโรบิน ฟานเพอร์ซี่ที่ฟอร์มดรอปลงไปเยอะเลย ซึ่งคิดว่าบางทีถ้าลองเปลี่ยนตำแหน่งตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ผลงานของแมนยูอาจจะดีขึ้นกว่าเก่าก็เป็นได้ เพราะว่าจากเท่าที่ดูผลงานของรูนี่ย์ช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น เขามักจะผลงานได้ดีในตำแหน่งกองหน้ามากกว่าการเป็นกลางตัวรุก ซึ่งสิ่งที่น่าจะยืนยันได้เป็นอย่างดีก็คือฟอร์มของรูนี่ย์ในตำแหน่งแดนกลางที่ผ่านมานั้น จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า การปั้นเกมของเขานั้นทำได้ไม่ค่อยดีนัก ออกบอลช้า และขาดความหลากหลายโดยเฉพาะเรื่องการผ่านบอล เลยทำให้คิดว่าหลุยส์ ฟาล ฮาลควรมอบตำแหน่งนี้ให้กับฆวน มาต้าไปเลย แล้วดันรูนี่ย์ไปเล่นในตำแหน่งหน้าแทน เพราะเชื่อว่าบางทีผลงานของแมนยูที่ออกมานั้น อาจจะดีกว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้ เพราะไหนสองกองหน้าตัวความหวังอย่าง ราดาเมล ฟัลเกา และโรบิน ฟานเพอร์ซี่ ก็ฟอร์มตกอยู่ หากจะลองเปลี่ยนแผนไปดันรูนี่ย์ลองไปทำหน้าที่แทน มันก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายเท่าไหร่นั่นเอง.

เชื่อเหลือเกินว่า ถ้าเกิดมีการสำรวจจากเหล่าแฟนบอลทั้งหลายในตอนนี้ คงจะมีหลายคนแน่นอนที่เป็นคนที่หลงใหลในศึกลูกหนัง และก็หลงใหลในการเดิมพันไปด้วย